เหลียวหลังแลหน้าการเลือกตั้งผู้นำอินโดฯ ที่จะมีขึ้นใน เม.ย.ปีหน้า

เหลียวหลังแลหน้าการเลือกตั้งผู้นำอินโดฯ ที่จะมีขึ้นใน เม.ย.ปีหน้า

เหลียวหลังแลหน้าการเลือกตั้งผู้นำอินโดฯ ที่จะมีขึ้นใน เม.ย.ปีหน้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือหมู่เกาะอินเดียตะวันออกซึ่งมีประมาณ 17,000 เกาะ มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 1,826,440 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 261 ล้านคน ซึ่งประมาณ 87% นับถือศาสนาอิสลาม ดังนั้นอินโดนีเซียจึงนับได้ว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว

อินโดนีเซียตั้งอยู่ระหว่างคาบสมุทรอินโดจีนกับทวีปออสเตรเลีย และระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับมหาสมุทรแปซิฟิก เดิมเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ร่วม 300 ปี จนกระทั่งได้รับเอกราชในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2492  ปัจจุบันนับเป็น 69 ปีของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย

AFPซูการ์โน

นายซูการ์โน ผู้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของอินโดนีเซีย ได้เสนอ “ระบอบประชาธิปไตยแบบชี้นำ” (Guided Democracy - เผด็จการนั่นแหละครับ) ยุบสภาผู้แทนราษฎร หันมาใช้รัฐสภาที่มีตัวแทนจากหลายสาขาอาชีพ ตั้งรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนพรรคการเมือง ยุบพรรคการเมืองหลายพรรค และเพิ่มอำนาจให้ตนเอง ผลที่ตามมาคือ บทบาทของกองทัพมีมากขึ้น และประธานาธิบดีซูการ์โนก็ถูกทหารยึดอำนาจไปใน พ.ศ. 2510

AFPซูฮาร์โต

ต่อจากนั้น อินโดนีเซียก็ตกอยู่ภายใต้การปกครองของเผด็จการทหารถึง 32 ปี จนกระทั่งประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นล้มระบอบเผด็จการได้สำเร็จใน พ.ศ. 2541 เนื่องจากตลอดเวลาของการปกครองประเทศของนายพลซูฮาร์โต ผู้เป็นประธานาธิบดีคนที่สองของอินโดนีเซียนั้นเต็มไปด้วยเรื่องด่างพร้อยของการทุจริต และการเล่นพรรคเล่นพวก โดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) กล่าวหาซูฮาร์โตว่ายักยอกเงินรัฐไปมากถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จึงกลายเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่กอบโกยเงินของรัฐไปมากที่สุดในโลก

ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียยังเป็นชาติที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก อีกทั้งยังได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปอย่างสงบเรียบร้อย 4 ครั้ง ปัจจุบันได้ก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ไม่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดถึง 7% แบบในยุคของซูฮาร์โต แต่ตัวเลขจีดีพีในปัจจุบันก็อยู่ใน 20 อันดับแรกของโลก ประชาธิปไตยและความเคลื่อนไหวทางสังคมของพลเมืองที่เบ่งบานก็นำไปสู่ระบบราชการที่โปร่งใสยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับการปฏิรูประบบภาษีที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ โดยดัชนีวัดระดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business Index) ของธนาคารโลกประจำปี 2018 นั้น อินโดนีเซียกระโดดขึ้นมา 19 อันดับคือที่ 72 จากเดิมที่ 91

ครับ! อินโดนีเซียก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างเห็นหน้าเห็นหลัง เนื่องจากระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ซึ่งชาวอินโดนีเซียเบื่อหน่ายการเมืองที่วนเวียนอยู่ในกลุ่มชนชั้นนำ และเต็มไปด้วยคอร์รัปชัน ตั้งใจจะลงคะแนนเสียงเพิ่มขึ้น และเมื่อ 4 ปีก่อนชาวอินโดนีเซียได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายโจโก วิโดโด อดีตเคยเป็นนักธุรกิจขายเฟอร์นิเจอร์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองโซโลซึ่งสร้างความเจริญให้กับเมืองโซโลอย่างมหาศาล โดยการเปลี่ยนโฉมเมืองโซโลให้เป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมเกาะชวาเพื่อการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้เมืองโซโลเป็นศูนย์กลางการจัดสัมมนาประชุมสำคัญระดับโลกหลายครั้ง สร้างโครงการประกันสุขภาพสำหรับชาวเมืองโซโลทุกคน สร้างสวนเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนโครงการรถยนต์ของประเทศ และพัฒนาการขนส่งสาธารณะให้การเดินทางของประชาชนสะดวกสบาย

AFPโจโก วิโดโด

ด้วยชื่อเสียงอันเป็นที่ประจักษ์จากการแสดงออกถึงความจริงใจและความซื่อสัตย์ ทำให้นายโจโก วิโดโด หรือเรียกโดยชื่อเล่นว่า “โจโกวี” ทำให้เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าการมหานครจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียใน พ.ศ. 2555 และเขาก็ได้รับความนิยมมากจากการตัดสินใจเด็ดขาดเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินและขนส่งสาธารณะที่คาราคาซังมานานจนแทบเป็นอัมพาต ให้ประสบความสำเร็จ

โจโกวีมีชื่อเสียงโด่งดังเพราะความเป็นผู้นำของเขาในการเข้าถึงคนธรรมดา ที่ประชาชนตื่นตัวในสิทธิของตนเอง เขาสื่อสารให้คนธรรมดามองเห็นว่าเขาจริงใจ ถึงลูกถึงคน และมือสะอาด เขาห้ามญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวกับการประมูลงานตั้งแต่สมัยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองโซโลแล้ว ทำให้เขาสามารถเอาชนะ พล.ท.ปราโบโว ซูเบียนโต นายพลเกษียณราชการ ได้เป็นประธานาธิบดีใน พ.ศ. 2557

ในวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด อายุ 57 ปี ได้เลือกเอานายมารุฟ อามิน วัย 75 ปี ประธานสภาอูเลมาอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นองค์กรมุสลิมสูงสุดของประเทศ และประธานนาห์ดลาตุล อูลามา องค์กรมุสลิมใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 เมษายนปีหน้า พร้อมกับย้ำว่า ต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้ทางความคิดและความสำเร็จ ไม่ใช่การสร้างความแตกแยก ส่วนคู่แข่งของนายวิโดโดกับนายอามิน คือ พล.ท.ปราโบโว ซูเบียนโต นายพลเกษียณราชการที่เคยพ่ายให้วิโดโดมาแล้วในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2557 และนายซันเดียกา อูโน รองผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา วัย 49 ปี ซึ่งบรรดาใครต่อใครต่างคาดการณ์ว่าโจโกวีคงได้รับชัยชนะเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียอีกสมัยหนึ่งแน่นอน

AFPนายพลนอกราชการ ซูเบียนโต

ตกลงการเลือกตั้งประธานาธิบดีอินโดนีเซียในปีหน้านี้มีผู้สมัครลงชิงชัยเพียง 2 คน ซึ่งต่างกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี 4 ครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากวันศุกร์ที่ 10 สิงหาคมเป็นวันสุดท้ายในการยื่นหนังสือขอสมัครเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซียซึ่งจะเลือกตั้งกันในเดือนเมษายน พ.ศ. 2562 (แน่นอน)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook