พลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ชาวบ้านหนองคายเก็บ "เศษไม้" ลอยตามน้ำขาย สร้างรายได้ระหว่างน้ำท่วม

วันที่ 22 ส.ค. 2561 จากการที่ฝนตกหนักทางตอนเหนือทั้งในประเทศไทย และ สปป.ลาว ของแม่น้ำโขง รวมทั้งมีฝนตกในพื้นที่จังหวัดหนองคาย จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนอยู่ในระดับวิกฤติ

ซึ่งมวลน้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย ยังได้พัดเอาเศษไม้และท่อนไม้มาด้วยเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงและมีบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียง ได้รวมตัวกันออกมาเก็บเศษไม้และท่อนไม้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์กันอย่างคึกคัก

โดยเฉพาะชาวบ้านตำบลเวียงคุก อำเภอเมืองหนองคาย ได้พากันออกมาเก็บเศษไม้และท่อนไม้ที่ลอยมาในแม่น้ำโขงกันที่บริเวณปากลำห้วยคุก เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดที่น้ำโขงส่วนหนึ่งได้ไหลวนกลับเข้าในลำห้วยคุก กระแสน้ำจึงไม่เชี่ยวกรากเหมือนจุดอื่น

และมีเศษไม้และท่อนไม้ไหลวนมากับแม่น้ำโขงจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านได้มีการแบ่งหน้าที่กัน เริ่มตั้งแต่แล่นเรือตระเวนหาไม้ในแม่น้ำโขง เลือกไม้แล้วผูกเชือกใช้เรือประคองมายังจุดที่เลื่อยไม้ที่อยู่ในน้ำริมตลิ่ง จากนั้นก็เลื่อยไม้ที่ยาวเกินไปให้ได้ความยาวท่อนละประมาณ 2 เมตร

หลังเลื่อยเสร็จก็จะนำขึ้นมากองไว้บนตลิ่ง ในขณะที่บางคนจะขับเรือออกไปตระเวนดูไม้ที่ลอยมาแต่ไม้ไม่ได้ลอยเข้าฝั่ง เมื่อเห็นท่อนไม้หรือแผ่นไม้ที่ต้องการแล้ว ก็จะใช้เชือกผูกกับเรือประคองเข้าฝั่ง

แต่มีข้อจำกัดคือจะเลือกได้เฉพาะไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไปที่เรือมีกำลังพอลากเข้าฝั่งได้ ส่วนไม้ท่อนใหญ่ๆ นั้นแม้ว่าชาวบ้านอยากจะได้ก็ต้องตัดใจ เนื่องจากกระแสน้ำไหลแรงมาก เรือไม่สามารถลากเข้าฝั่งได้ จึงไม่เสี่ยงเพราะจะทำให้เรือล่มเป็นอันตรายได้

ไม้ที่ได้จะมีทั้งไม้เนื้ออ่อนและไม้เนื้อแข็ง ซึ่งไม้เนื้ออ่อนที่ชาวบ้านจะนำไปทำฟืนในโรงบ่มใบยาสูบ เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนในการซื้อฟืนที่มีราคาสูงขึ้นทุกวัน ล่าสุดอยู่ที่รถละ 4,000–6,000 บาท (รถ 6 ล้อ)

บางส่วนก็จะมีชาวบ้านมาขอเป็นฟืนสำหรับเผาศพญาติพี่น้องที่เสียชีวิต ส่วนไม้เนื้อแข็งก็จะนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ตามความเหมาะสมของไม้ เช่น เป็นเสารั้ว หรือนำไปซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน และทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น ซึ่งในแต่ละวันจะสามารถเก็บไม้ได้ 4–5 คันรถกระบะ

สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย ยังคงทรงตัวและลดลงช้าๆ วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ เมื่อเวลา 14.00 น. อยู่ที่ระดับ 11.91 เมตร

ซึ่งยังถือว่าเป็นระดับที่สูง อยู่ในระดับวิกฤติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องเร่งให้การช่วยเหลือประชาชน และเร่งสูบน้ำเพื่อระบายน้ำจากลำห้วยสาขาที่มีประตูระบายน้ำ