เกือบสูญทรัพย์-ช่างภาพรายการดังโบกแท็กซี่กลับบ้าน นำสัมภาระขึ้น แท็กซี่เจ้ากรรมดันขับหนี

เกือบสูญทรัพย์-ช่างภาพรายการดังโบกแท็กซี่กลับบ้าน นำสัมภาระขึ้น แท็กซี่เจ้ากรรมดันขับหนี

เกือบสูญทรัพย์-ช่างภาพรายการดังโบกแท็กซี่กลับบ้าน นำสัมภาระขึ้น แท็กซี่เจ้ากรรมดันขับหนี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้ 23 สิงหาคม 2561 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายอัคคณัฐ ไกรนุกูล หรือเขียว อายุ 47 ปี ช่างภาพของรายการคำรณค้นความจริงช่อง 3 ของคำรณ หว่างหวังศรี ว่าเกือบต้องสูญทรัพย์สิน

หลังจากค่ำคืนที่ผ่านมาเรียกรถแท็กซี่สาธารณะบริเวณหน้าโรงกษาปณ์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อจะเดินทางกลับบ้านแต่เมื่อนำสัมภาระขึ้นรถเสร็จแท็กซี่กลับขับรถออกไปโดยที่ตนเองยังไม่ได้ขึ้นรถ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบความชัดเจน

นายอัคคณัฐ ไกรนุกูล เปิดเผยว่า คืนที่ผ่านมาหลังจากที่ตนเองพร้อมด้วยทีมงานไปถ่ายทำรายการคำรณค้นความจริงที่ จ.พะเยาเสร็จสิ้น จึงเดินทางกลับ โดยตนเองได้ให้รถทีมงานส่งลงบริเวณสะพานลอยหน้าโรงกษาปณ์ ถนนพหลโยธินขาเข้า

เพื่อจะเดินทางกลับบ้านที่คลองสามธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ด้วยรถแท็กซี่สาธารณะ โดยมีกระเป๋าสัมภาระจำนวน 2 ใบ คือกระเป๋าเสื้อผ้า และกระเป๋าอุปกรณ์กล้อง ไมโครโฟน อุปกรณ์ต่างๆ รวมกว่า 50,000 บาทติดตัวมาด้วย

ทันใดนั้นหลังจากที่ตนเองลงรถเวลาประมาณ 00.01 น. ก็มีรถยนต์แท็กซี่คันหนึ่งตนเองจำได้ว่าสีส้มสภาพค่อนข้างเก่า ยกไฟสูงเพื่อเรียกลูกค้า ตนเองจึงโบกเพื่อเดินทางกลับบ้าน โดยเปิดประตูห้องโดยสารหลังซ้าย เพื่อนำกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบขึ้น

แต่เมื่อขนสัมภาระเสร็จตนเองได้ปิดประตู คนขับแท็กซี่กับขับรถออกไปทันทีโดยที่ตนเองยังไม่ได้ขึ้นรถ ตนเองจึงวิ่งตามโดยที่มืออีกฝั่งหนึ่งดึงประตูด้านหน้ารถฝั่งซ้ายไว้ เพื่อป้องกันการหลบหนีโดยวิ่งตามไปประมาณ 20 เมตร กระทั่งผู้ขับขี่ยอมจอดรถ

ซึ่งจากการสนทนาพบผู้ขับขี่อายุประมาณ 50 ปี อ้างว่าคิดว่าผู้โดยสารขึ้นรถแล้ว เพราะได้ยินเสียงปิดประตูจากนั้นตนเองจึงเอาสัมภาระลงจากรถ และเปลี่ยนคันทันทีเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย

ดังนั้นตนเองจึงฝากเตือนผู้ที่มีสัมภาระเดินทางมาด้วย และต้องใช้รถสาธารณะขอให้ระมัดระวังหรือเป็นไปได้ให้ขึ้นรถพร้อมกับสัมภาระ ซึ่งตนเองมั่นใจว่าหากวานนี้ตนเองไม่ระวังตัวไว้ก่อนหน้า และไม่วิ่งตามคงต้องสูญทรัพย์สินอย่างแน่นอน

และอยากให้ส่วนเกี่ยวข้องช่วยติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณจุดดังกล่าว พร้อมกับขอไฟส่องสว่างเพิ่มขึ้นบริเวณศาลารอรถประจำทางบริเวณจุดดังกล่าวเพื่อเป็นการป้องกันอีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook