ตรวจสภาพจิต เด็กชายวัย 7 ขวบ ถูกทหารกระทำชำเรา แม่ห่วงเรื่องเรียนเหตุย้ายบ้านหนี
จากกรณี นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ พร้อมด้วย นางเอ (นามสมมติ) อายุ 47 ปี ชาว จ.ตรัง และญาติ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ชนะชัย ภูราช รองสว.(สอบสวน) กก.6 บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่ง ยศจ่าสิบเอก สังกัดทหารบก จ.ตรัง ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” หลังก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศลูกชายฝาแฝดผู้น้องวัย 7 ปี ของนางเอ เกิดเหตุบ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่ง จ.ตรัง
>> แม่ร้องกองปราบฯ ลูกชายวัย 7 ขวบ ถูกทหารกระทำชำเรา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (24 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. นางรุ่งทิวา สุดแดน พมจ.ปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจเยี่ยมบ้านพักของแม่เด็กและเด็กแฝดทั้งสองคน พร้อมทั้งเปิดเผยว่า โดยหลังจากเกิดเรื่องที่ จ.ตรัง กระทั่งทราบว่าทั้งแม่และลูกได้เดินทางย้ายมาอยู่ในพื้นที่เขต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ซึ่งได้เดินทางมาสอบถามและตรวจสอบเรื่องความเป็นอยู่ รวมทั้งเพื่อจะได้ประเมินเรื่องความเป็นอยู่ในการดำเนินชีวิตและการให้ความช่วยเหลือในด้านสภาวะทางจิตใจของทั้งแม่และลูก ส่วนเรื่องด้านปัญหาทางสภาพจิตใจของเด็กและแม่ เบื้องต้น พบว่ามีภาวะที่ดีมาก เด็กมีอาการร่าเริง สดใส ซุกซนตามประสาเด็ก โดยไม่พบอาการเงียบซึมแต่อย่างใด
ซึ่งทางแม่ของเด็กต้องการให้ทาง พม.จ.ปทุมธานี ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการศึกษาของเด็ก เนื่องจากเพิ่งย้ายโรงเรียนออกมาจากต่างจังหวัด เพื่อจะเข้าเรียนกลางคันในโรงเรียนในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อให้อยู่ในละแวกใกล้เคียงบ้านพักที่อาศัยอยู่ และขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการประสานงานกับทางโรงเรียนในพื้นที่ จ.ปทุมธานี เพื่อให้เด็กสามารถได้ศึกษาต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง
นางเอ นามสมมติ แม่ของเด็ก กล่าวเปิดเผยว่า ตนกับลูกชายฝาแฝดวัย 7 ขวบ อาศัยอยู่ที่บ้านพักในค่ายทหารแห่งหนึ่งจ.ตรัง โดยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนสังเกตเห็นลูกชายฝาแฝดผู้น้องมีอาการผิดปกติเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง จึงเรียกมาสอบถามจึงทราบว่าถูกทหารยศจ่าสิบเอกที่เป็นเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันล่วงละเมิดทางเพศ
โดยทหารคนดังกล่าว ได้แอบมาเรียกลูกชายตนออกไปหาที่บริเวณข้างรั้วบ้าน ก่อนจะสั่งให้ถอดกางเกงแล้วกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ นอกจากนี้ เมื่อไปตรวจสอบที่กางเกงที่ลูกชายใส่พบว่ามีคราบน้ำอสุจิติดอยู่ จึงได้รีบพาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทันที
นางเอ กล่าวต่อว่า ผลตรวจร่างกายแพทย์ระบุว่า ที่ทวารหนักมีร่องรอยการล่วงละเมิดทางเพศจริง จึงได้นำหลักฐานไปแจ้งความไว้ที่ค่ายทหารที่ผู้ก่อเหตุสังกัดอยู่เพื่อให้ดำเนินคดี ต่อมาในวันเดียวกันได้มีทหารในสังกัดดังกล่าว มาหาที่บ้านพักเพื่อเจรจาต่อรองโดยขอจ่ายค่าเสียหาย 3 แสนบาท แต่ตนไม่รับเนื่องจากอยากให้ดำเนินคดีทางกฎหมาย
ซึ่งในวันถัดมาจึงตัดสินใจไปแจ้งความกับ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อให้ดำเนินคดีกับทหารรายนี้ให้ถึงที่สุด ทหารคนดังกล่าว เคยทำอนาจารลูกชายฝาแฝดผู้น้องคนนี้ที่สระน้ำแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง โดยการอมอวัยวะเพศ แต่ตอนนั้นตนไม่ได้เอาความเนื่องจากยังไม่ถึงขั้นกระทำชำเรา
อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเรื่องตนกับลูกได้ย้ายออกจากบ้านพักหลังดังกล่าวแล้วมาพักอาศัยอยู่กับญาติที่จ.ปทุมธานี เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งเห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน แต่จนถึงปัจจุบันเรื่องยังเงียบๆ ไป จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้เข้าร้องเรียนกับทางกองปราบเพื่อขอให้ติดตามคดีความดังกล่าวด้วย
ด้าน ทนายรณรงค์ กล่าวว่า ในใบแพทย์มีการระบุที่ค่อนข้างชัด ว่าเด็กโดนล่วงละเมิดทางเพศทางทวารหนัก แต่คดีความก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงอยากให้ บก.ป.ดำเนินการตรวจสอบสำนวนคดีเพิ่มเติม เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับทหารเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำและตรวจสอบพยานหลักฐาน ก่อนจะส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป
>> ไม่ปกป้องคนผิด! "กองทัพบก" ลงโทษ "ทหาร" ทำอนาจารเด็กชาย 7 ขวบแล้ว