ลุงชาวนาแปดริ้วสะอึก โดนนายทุนฟ้องไล่ที่ เรียกค่าเสียหาย 11 ล้าน!

ลุงชาวนาแปดริ้วสะอึก โดนนายทุนฟ้องไล่ที่ เรียกค่าเสียหาย 11 ล้าน!

ลุงชาวนาแปดริ้วสะอึก โดนนายทุนฟ้องไล่ที่ เรียกค่าเสียหาย 11 ล้าน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชาวนาเข่าทรุดโดนนายทุนต่างชาติฟ้องไล่ที่ เรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 11 ล้านบาท ทั้งที่เช่ากับเจ้าของดั้งเดิมมา 30 ปีแล้ว แต่ที่ดินถูกเปลี่ยนมือหลายทอด สุดท้ายโดนฟ้องแบบไม่ตั้งตัว

(26 ส.ค.) นายพงศ์ธร อายุ 54 ปี ชาว ต.คลองหลวงแพ่ง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ชาวนาผู้ที่เคยเช่าพื้นที่ทำนาในพื้นที่ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือให้ทางผู้มีอำนาจในบ้านเมืองเข้ามาให้การช่วยเหลือผ่านทางผู้สื่อข่าว หลังจากจากตนเองถูกบริษัทนายทุนต่างชาติแห่งหนึ่ง ฟ้องร้องขับไล่ให้ออกไปพ้นพื้นที่ทำกินที่เคยเช่าประกอบอาชีพทำนามานานกว่า 30 ปี พร้อมกับยังถูกเรียกค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 11 ล้านบาท

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลังจากได้มีบริษัทนายทุน เครือข่ายต่างชาติรายหนึ่ง ได้ฟ้องศาลแพ่งขับไล่ตนให้ออกไปให้พ้นพื้นที่การทำนาในแปลงดังกล่าวจำนวน 52 ไร่ โดยที่การพิจารณาไม่ได้ให้ความสำคัญต่อกฎหมายการเช่าที่นา

ซึ่งมีคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลโดยมีกำนันประจำตำบลและนายอำเภอเป็นประธาน (คชก.) ตาม พ.ร.บ.การเช่า ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ที่ตนนำไปโต้แย้ง จึงถูกศาลแพ่งตัดสินให้ฝ่ายตนแพ้คดีทั้งศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ จนถูกเรียกร้องให้ชำระเงินค่าเสียหายเป็นเงินมากถึง 11 ล้านบาท

หากจะฎีกาคดี จะต้องใช้เงินวางศาลมากถึง 3 ล้านบาท โดยเขาคิดตามเนื้อที่ดินทั้งแปลงจำนวนกว่า 1 พันไร่ ทั้งที่ตนทำกินอยู่จริงบนที่ดินแปลงดังกล่าวเพียงกว่า 50 ไร่ ตนจึงไม่มีเงินไปวางศาล จึงถูกนายทุนเร่งรัดให้ทางสำนักงานบังคับคดีเข้ามาไล่รื้อถอนที่อยู่อาศัย

จากนั้นยังจะเข้าไปยึดที่ดินทำกินอีกแปลงหนึ่งของตนจำนวน 34 ไร่ ในเขตพื้นที่ ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ผืนสุดท้ายที่ใช้ทำกิน เพื่อนำมาชดใช้แทนค่าเสียหายที่กำลังถูกทำการเรียกเก็บให้ได้จำนวน 11 ล้านบาท ตามที่ศาลแพ่งตัดสิน จึงทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่มีที่ดินทำกิน และจะต้องสูญเสียที่ดินของตนเองไปจากการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีดังกล่าวนี้ด้วย

สำหรับการเช่าที่ดินทำนานั้นเดิมได้เช่าพื้นที่ทำกินอยู่กับเจ้าของที่ดินเดิมรายหนึ่ง ต่อมาที่ดินได้ถูกขายเปลี่ยนมือไปให้แก่บริษัทแห่งหนึ่ง ที่เข้ามากว้านซื้อรวบรวมที่ดินในบริเวณดังกล่าวให้เป็นที่ดินแปลงใหญ่ ซึ่งตนก็ได้มีการทำสัญญาการเช่าที่ทำกินกับทางทนายของบริษัทแห่งที่สองไว้

จนกระทั่งมีบริษัทนายทุนต่างชาติรายดังกล่าวนี้ ได้เข้ามาทำการซื้อที่ดินที่ถูกรวบรวมเป็นแปลงใหญ่จำนวนกว่า 1,400 ไร่ต่อจากบริษัทแห่งที่สองไป จนมีการฟ้องร้องขับไล่ผู้ที่กำลังทำกินอยู่บนที่ดินให้ออกไปให้พ้นพื้นที่ดังกล่าว

ซึ่งการฟ้องร้องนั้นทางฝ่ายของบริษัทนายทุนไม่ได้ให้ความสำคัญกับกฎหมายการเช่าพื้นที่ทำนา และอ้างว่าสัญญาเช่าที่ตนทำไว้กับทางบริษัทที่สองเป็นโมฆะ เนื่องจากไม่มีใบมอบอำนาจจากทางบริษัทเดิมให้ทนายเป็นผู้ลงนามทำสัญญาเช่าแก่ตนเอง ทั้งที่ตนนั้นได้ทำการจ่ายค่าเช่าในทุกๆ ปีอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการเปลี่ยนมือแล้วตนก็ยังได้นำค่าเช่าไปวางไว้ยังที่สำนักงานบังคับคดี

นายพงศ์ธร จึงอยากร้องขอความยุติธรรมและการช่วยเหลือไปยังรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจและผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายในการที่จะต่อสู้ทางคดีให้เข้ามาช่วยเหลือตนบ้าง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook