เจ้าของบ้านจุด "ธูปเทียนไหว้เจ้า" ทิ้งไว้ คาดเทียนล้มไฟลุกลาม หวิดวอดรับ "สารทจีน"

วันที่ 25 สิงหาคม 2561 เมื่อเวลา 15.00 น. นายศรีชัย วีระนรพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชุมพร ได้รับแจ้งจาก ร.ต.อ.สวัสดิ์ คงแก้ว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร

ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งบนถนนปรมินทรมรรคา อ.เมืองชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิง จำนวน 5 คัน

โดยจุดเกิดเหตุอยู่กลางเมืองชุมพร เป็นอาคารพาณิชย์สามชั้นครึ่ง สร้างติดกันเป็นแถว 8 ห้อง พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังช่วยกันต่อสายยางเข้ากับน้ำประปา ฉีดน้ำเข้าไปในห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งมีกลุ่มควันลอยพวยพุงออกมาอย่างหนาแน่น

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้เร่งระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง ซึ่งพบว่าจุดเกิดเหตุนั้นไฟได้ไหม้จากบริเวณศาลเจ้า ที่อยู่กับพื้นกลางห้องของชั้นล่าง แล้วลุกลามไปติดชั้นไม้ 3 ชั้น แล้วเพลิงได้ไหม้ลุกลามขึ้นไปยังชั้นลอย

โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที สามารถควบคุมเพลิงได้สงบลง คงเหลือแต่กลุ่มควันที่ยังลอยฟุ้งอยู่ภายในอาคาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องฉีดน้ำเป็นละอองเพื่อไล่กลุ่มควัน ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบ

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่า ร่องรอยจุดที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ คือบริเวณศาลศาลตี่จู้เอี๊ยะ ซึ่งเป็นศาลที่ทำกับไม้ แล้วไฟได้ลุกลามไปติดผนังห้องแบบบิ้วอินน์รอบห้อง โดยละชั้นพบว่าถูกเพลิงไหม้เป็นทางยาว จนเทพเจ้าแต่ละองค์เสียหายดำเป็นตอตะโก

ส่วนชั้นลอยซึ่งมีอุปกรณ์สื่อสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และโต๊ะหมู่บูชา ได้ถูกเพลิงที่โหมไหม้อย่างรวดเร็วไม้พังเสียหาย โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ภายในบ้านและเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ก่อนที่ไฟจะลามขึ้นไปบนชั้นสองและอาจจะลุกลามไหม้ไปยังห้องอื่นที่ติดกันพังเสียหายอีก

จากนั้นเจ้าของบ้านได้ออกไปส่งลูกไปเรียนพิเศษโดยไม่ได้ดับธูปและเทียนก่อน ทำให้เกิดเพลิงไหม้บริเวณที่ไหว้เจ้า โชคดีที่คนในบ้านเห็นจึงรีบใช้น้ำมาดับทัน หวิดลุกลามไปบ้านข้างเคียง

ด้านนายไชยวัฒน์ อายุ 36 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน ได้เปิดเผยว่า ครอบครัวตนประกอบอาชีพจำหน่ายเครื่องสังฆภัณฑ์ และตอนเกิดเหตุตนเองกับพ่อ ขายของอยู่ในตลาด ส่วนที่แม่ก็มีแม่กับน้องสาวอยู่ที่บ้าน

เนื่องจากวันสารทจีน คาดว่าแม่กับน้องสาวได้นำเครื่องเซ่นไหว้ที่ศาลตี่จู้เอี๊ยะ ซึ่งอยู่กลางบ้านตามประเพณีของชาวจีน และแม่ของจุดธูปเทียนทิ้งไว้ แล้วปิดประตูออกไปทำธุระนอกบ้านโดยลืมดับธูปเทียน

นับว่ายังโชคดีที่ชาวบ้านได้เห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา จึงได้ช่วยกันดับและแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจนสงบ มิเช่นนั้นครอบครัวตนเองคงหมดตัวและยังสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นอีกด้วย