สามีไม่อยู่บ้าน สาววัย 22 หวิดถูกข่มขืนคาห้องนอน ญาติได้ยินเสียงร้องแห่รุมกระทืบ

สามีไม่อยู่บ้าน สาววัย 22 หวิดถูกข่มขืนคาห้องนอน ญาติได้ยินเสียงร้องแห่รุมกระทืบ

สามีไม่อยู่บ้าน สาววัย 22 หวิดถูกข่มขืนคาห้องนอน ญาติได้ยินเสียงร้องแห่รุมกระทืบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นางสาวพรสุดา อายุ 22 ปี ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ว่า โดนนายมานพ อายุ 40 ปี บุกเข้าไปในห้องนอนที่บ้านของตน เพื่อหวังข่มขืน ซึ่งขณะนั้นสามีของตนได้ออกไปหาซื้อกับข้าวที่ตลาดสดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ตนได้ร้องขอความช่วยเหลือ และมีญาติพี่น้องเข้ามารุมกระทืบคนร้าย ทำให้ตนรอดพ้นจากการถูกข่มขืนอย่างหวุดหวิด ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 29 ส.ค.61 ที่ สภ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ ร.ต.อ.ประมาณ ยวนยี ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ซึ่งเป็นร้อยเวรเจ้าของคดี เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้รับแจ้งความจาก นางสาวพรสุดา แล้ว ตนพร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชิตชัย เดือนใส รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบร่องรอยการต่อสู้และรอยเลือดของคนร้าย จากนั้น ได้เดินทางไปที่ รพ.ศรีสะเกษ เพื่อไปติดตามดูอาการของคนร้ายรายนี้ พบว่า นายมานพ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ สภาพตามร่างกายมีรอยช้ำบวม บริเวณคิ้วซ้ายแตกยาว จมูกแตก แขนเป็นบาดแผล ซึ่งคาดว่าเกิดจากการต่อสู้กัน

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายมานพ ยอมรับว่า ได้เข้าไปในสถานที่เกิดเหตุจริง แต่ว่าประเด็นที่จะเข้าไปข่มขืนนั้น นายมานพยังไม่ยอมพูดให้การ ซึ่งจากการที่ได้สอบถามอาการของนายมานพกับแพทย์และพยาบาลที่ทำการรักษาพยาบาลแล้ว ทราบว่า นายมานพจะต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีสะเกษ ประมาณ 2-3 วัน ขณะนี้แพทย์สั่งให้งดน้ำและอาหาร เพื่อรักษา พยาบาล โดยแพทย์ได้จัดให้นายมานพพักรักษาตัวอยู่ที่ตึกศัลยกรรมกระดูกชาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ คอยควบคุมตัวเอาไว้ ซึ่งเรื่องนี้จะได้รายงานให้ พ.ต.อ.วันปิติ พฤทธิกุล ผกก. สภ.เมืองศรีสะเกษ เกี่ยวกับการดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมแจ้ง 2 ข้อหา คือ บุกรุกเคหะสถาน และ พยายามข่มขืนหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตน

ส่วนทางด้านญาติผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังจากที่เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีญาติและพ่อแม่ของนายมานพ มาขอเจรจายอมความ แต่ทางญาติผู้เสียหายเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก จึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook