ผงะ! พบศพลอยอืดในแม่น้ำแควน้อย คาดเป็นนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์เหนือที่หายตัวไป
30 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่ สภ.ไทรโยค โดย ร.ต.อ.สมบุญ ภัทรวงษ์วิเศษ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.สุภาพรรษา พรขุนทด อายุ 35 ปี ว่าเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนกับ Mr.ROBORT LYTLE แฟนหนุ่มชาวไอร์แลนด์เหนือ ได้ขับรถยนต์เก๋งมาท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่ที่แพพักแห่งหนึ่ง ที่อยู่ริมแม่น้ำแควน้อย ท้องที่หมู่ 7 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค โดยเข้าพักในเวลา 13.00 น.
ต่อมาคืนวันเดียวกันตนกับแฟนเกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน จากนั้นในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันที่ 28 ส.ค. ตนจึงไปขอนอนพักอยู่กับแม่บ้านของแพดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น. ตนจึงไปหาแฟนที่ห้องพัก แต่ปรากฏว่าไม่พบ จึงมาสอบถามผู้ที่อยู่ในแพด้วยกัน
ซึ่งก็บอกว่าช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. เห็นแฟนของตนยืนอยู่ที่ระเบียงแพหน้าห้องพัก จึงพยายามตามหาแต่ไม่พบ เมื่อไม่พบจึงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค เพื่อนำกำลังมาช่วยกันค้นหาแต่ก็ไม่พบตัว ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันค้นหาตัว Mr.ROBORT ทั้งทางบกและทางน้ำ รวมทั้งเดินขึ้นไปหาบนภูเขาที่อยู่ใกล้เคียง แต่ก็ไม่พบ
ส่วนรถยนต์เก๋งที่ขับมายังอยู่ แต่โทรศัพท์มือถือของแฟนสาว Mr.ROBORT ได้นำติดตัวไปด้วย โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนถึงเวลา 20.19 น. เจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามติดตามหากันอยู่ ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืด และฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
แต่จากการบอกเล่าของ น.ส.สุภาพรรษา แฟนสาวชาวไทย ก็ทราบว่าทั้งสองเคยทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ละครั้ง Mr.ROBORT จะหายตัวไปครั้งละ 2-3 วัน จากนั้นก็กลับมาหาแฟนสาวเช่นเดิม ซึ่งทุกคนก็ขอภาวนาให้เป็นดังที่ น.ส.สุภาพรรษาเล่า และหากใครพบ Mr.ROBORT ตามภาพ ขอให้โทรแจ้งสายด่วน 191
โดยล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งจากประชาชนว่า วันที่ 30 ส.ค. เวลาประมาณ 08.20 น. ขณะที่กำลังทำงานอยู่บนแพพักที่อยู่ริมแม่น้ำแควน้อย เมื่อหันมองลงไปที่แม่น้ำปรากฏว่าพบศพลอยไปตามกระแสน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อมาตรวจสอบ
คาดว่าอาจจะเป็นศพของ Mr.ROBORT หนุ่มนักท่องเที่ยวชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่มาเที่ยวพักผ่อนกับแฟนสาวชาวไทยก็เป็นไปได้ ซึ่งจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ศพจึงได้ลอยไปกับกระแสน้ำอย่างรวดเร็ว รอเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ก่อนจะนำส่งสถาบันนิติเวชฯ พิสูจน์