ลูกสาว "น้านงค์ เชิญยิ้ม" เป็นงง เดินอยู่ดีๆ โดนตบกลางถนน คาดคู่กรณีสติไม่ดี

ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะที่ตัวเองถูกทำร้ายร่างกายที่ริมถนน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเหตุที่เกิดขึ้นแถวสี่แยกราชเทวี หญิงผู้เคราะห์ได้ลงมาพักกลางวัน ระหว่างเดินอยู่ทางเท้าได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรศัพท์หาเพื่อน แต่ปรากฏว่ามีผู้คนหนึ่งเดินปรี่เข้ามาใช้กำปั้นชกเข้าที่ใบหน้า

ด้วยความตกใจจึงถามว่ามาตีกันทำไม อีกฝ่ายจึงบอกว่า "มึงเป็นศัตรูของกูไง" ทำให้รู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์มอง แต่ดูการอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนสติไม่ดี หลังก่อเหตุพยายามจะเดินหนี จึงได้สั่งให้หยุดเพื่อรอตำรวจ ก่อนจะคว้าตัวไว้ แต่โดยอีกฝ่ายดึงผมและถีบตามคลิปเหตุการณ์ จึงได้ร้องขอความช่วยเหลือ

กระทั่งมีพลเมืองดีผ่านมาและเข้ามาช่วย ผู้ก่อเหตุก็พยายามหนีไปอีกครั้ง จึงโดนกระชากจิกหัวอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอนโดฯ ย่านนั้นเข้ามาระงับเหตุช่วยอีกแรง ผู้ก่อเหตุดูมีอาการงงๆ สายตาอาฆาตเหมือนคนไม่ปกติ พูดซ้ำๆ ว่าเป็นศัตรู เคยทะเลาะกันมาก่อนในเฟซบุ๊ก และเคยไปตบตีเขาที่ จ.ปราจีนบุรี

เมื่อตำรวจตามมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุก็อ้างไปเรื่อยๆ ว่า เคยไปแย่งแฟนของเขา แฟนเขาทิ้งไปและขโมยเงินมาหา ยิ่งทำให้มองว่าเรื่องไปกันใหญ่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการลงบันทึกประจำวันให้ ก่อนจะนำตัวผู้หญิงคนนี้ส่งตรวจที่โรงพยาบาลศรีธัญญา เพื่อตรวจสอบว่าเป็นคนสติไม่ดีจริงหรือไม่

โดยที่หญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อได้ไปตรวจร่างกาย หมอพบว่ามีอาการฟกช้ำที่ศีรษะเท่านั้น จึงได้ประคบเย็นให้ ไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไร

หลังเกิดเหตุปรากฏพบว่าหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อในครั้งนี้คือ ลูกสาวของ "น้านงค์ เชิญยิ้ม" นักแสดงตลก ที่ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยว่า...

“ผู้หญิงคนนี้เป็นญาติใครครับ ลูกสาวผมเดินอยู่ดีๆก็เข้ามาตบมาตี โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เห็นลูกสาวผมบอกว่าเหมือนคนสติไม่ดี ถ้าบ้าจริงขอความกรุณาญาติของผู้หญิงคนนี้ต้องช่วยดูแลให้ดี อย่าให้ออกมาทำร้ายคนอื่น นี่ถ้ามีอาวุธอยู่ในมือไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวผม

ฝากเจ้าหน้าที่ สน.พญาไท ช่วยดูให้หน่อยครับว่าผู้หญิงคนนี้บ้าจริงรึเปล่า มีบัตรคนบ้าหรือไม่ แล้วทำไมถึงออกมาเดินแบบนี้ สรุปถ้าบ้าหรือไม่บ้าคดีแบบนี้ต้องจบยังไงครับ ผมผู้เป็นพ่อของผู้เสียหาย ไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมาย ช่วยแจ้งกลับผมด้วยนะครับ”