รถเบนซ์มาซ้าย-รถบัสมาขวา เกี่ยวมอเตอร์ไซค์แทรกกลางล้มเจ็บกลางถนน โชคดีไร้คนดับ

รถเบนซ์มาซ้าย-รถบัสมาขวา เกี่ยวมอเตอร์ไซค์แทรกกลางล้มเจ็บกลางถนน โชคดีไร้คนดับ

รถเบนซ์มาซ้าย-รถบัสมาขวา เกี่ยวมอเตอร์ไซค์แทรกกลางล้มเจ็บกลางถนน โชคดีไร้คนดับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 4 ก.ย. 61 เวลา 19.30 น. ร.ต.อ.พิชิต วรรณารักษ์ รองสารวัตรสอบสวนเวร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ถูกรถยนต์บัสและรถยนต์เก๋งเฉี่ยวชน

ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บนอนแน่นิ่งอยู่บริเวณกลางถนนท่ามกลางการจราจรที่คับคั่ง บริเวณบนถนนมหาจักรพรรดิ์ ก่อนถึงด้านหน้าวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบหญิงอายุประมาณ 24 ปี นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนน ในช่องทางการจราจรที่ 2 จากทั้งหมดด้านละ 3 ช่องจราจร ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าสะพานเฉลิมพระเกียรติฯ ข้ามแม่น้ำบางปะกง

โดยมีเด็กชายวัย 5 ขวบ สวมชุดนักเรียนโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งยืนร้องไห้จ้าอยู่กลางถนน โดยมีผู้เป็นบิดาซึ่งขับรถมาด้วยกันพยายามอุ้มปลอบประโลมระหว่างเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยฉะเชิงเทรา กำลังให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลให้แก่ผู้เป็นมารดาของเด็ก

ในที่เกิดเหตุพบรถ จยย. รุ่นเก่าไม่ทราบยี่ห้อ สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1กฒ-8263 ฉะเชิงเทรา นอนล้มตะแคงข้างอยู่กลางถนนใกล้กับร่างของผู้บาดเจ็บ โดยมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยยกรถขึ้นและนำเข้าไปแอบไว้ข้างทางแล้ว

ห่างออกมาจากจุดพบผู้ได้รับบาดเจ็บมาทางด้านหลังประมาณ 4 เมตร พบรถยนต์ยี่ห้อหรู เมอร์เซเดสเบนซ์ ทะเบียน 4 กว-9907 กทม. จอดอยู่ สภาพกันชนแก้มขวาหน้าฉีกหลุดออกมาจากตัวรถ และมีรอยครูดยาวไปตามแนวประตูรถทั้งสองบาน กระจกมองข้างขวาแตกหัก

ห่างออกไปจากจุดแรกประมาณ 35 เมตร พบรถยนต์บัสรับส่งพนักงาน ยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน 30-1550 ฉะเชิงเทรา ลายการ์ตูนพื้นสีม่วงจอดอยู่ที่บริเวณใต้สะพานลอย ด้านหน้าวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา

จากการสอบสวน นายสมบัติ อายุ 43 ปี เล่าว่า ได้พบเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกเพราะขับรถ จยย. ตามหลังมา รถยนต์เก๋งเบนซ์ได้ขับออกมาจากเลนซ้ายสุดและเบียดเข้ามาในเลนกลาง

โดยมีรถ จยย. สามพ่อแม่ลูกขับแซงขึ้นไปทางขวา จนเลยผ่านตัวรถยนต์เก๋งไปอยู่ตรงบริเวณหัวมุมด้านหน้าของรถเก๋งแล้ว โดยมีรถยนต์บัสขับแซงขึ้นไปในเลนด้านขวา

จึงทำให้ประตูของรถบัสนั้นไปเกี่ยวเข้ากับหัวไหล่ของคนบนรถจักรยานยนต์ที่ขับอยู่ระหว่างกลาง จนเซล้มไปเบียดใส่รถยนต์เก๋ง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นมารดาเด็ก ที่มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะนองพื้น

ส่วนเด็กชายวัย 5 ขวบมีบาดแผลถลอกตามท่อนแขนเล็กน้อยเพราะแม่เด็กอุ้มไว้ ขณะที่พ่อเด็กไม่เห็นแสดงอาการบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุตนจึงได้จอดรถและเข้าไปให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าวด้วย นายสมบัติกล่าว

ด้าน รองศาสตราจารย์สำราญ อายุ 61 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อหรูคันดังกล่าวมา กล่าวว่า หลังจากมาออกกำลังกายตีเทนนิสเสร็จแล้ว จึงได้ขับรถยนต์มาตามเส้นทางในเลนกลางเพื่อที่จะเข้าไปหาเพื่อนยังภายในวิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา

แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เห็นรถบัสขับเบียดรถ จยย. จนล้มเข้ามาครูดที่ด้านขวาของตัวรถที่ตนขับมา จึงหันไปดูและพบว่ารถ จยย. ถูกเบียดจนล้มลงมาแล้ว โดยรถบัสแซงขึ้นมาภายหลังก่อนเกิดเหตุ รศ.สำราญ กล่าว

ขณะที่นายสิทธิพงศ์ อายุ 24 ปี คนขับรถบัสกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนได้รับสัญญาณไฟเขียว จึงได้ขับออกมาจากทางสามแยกสัญญาณไฟปากซอยสมัครแยกเข้าศาลากลางบนเลนที่ 2

เห็นรถยนต์เก๋งพยายามที่จะขับปาดออกมาจากเลนซ้ายเพื่อเข้าสู่เลนกลาง ตนจึงบีบแตรเตือนไป 1 ครั้ง จากนั้นตนจึงหลบออกมาทางเลนขวาสุด และขับไปตามทาง

จนมาได้ยินเสียงครูดดังที่ด้านข้างซ้ายของตัวรถ จึงได้มองดูและเห็นว่ามีรถ จยย. กำลังล้มลงอยู่ระหว่างกลางถนน จึงได้พยายามโยกหักพวงมาลัยออกไปชิดทางด้านขวาสุดริมขอบเกาะกลางถนน

เพราะเกรงว่าล้อรถจะเหยียบรถ จยย. ที่กำลังล้มลงและกลิ้งไปตามแรงชนของรถเบนซ์ ซึ่งหากไม่หักหลบออกมา ตนเชื่อว่าล้อรถน่าจะทับร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน

โดยตนขับรถรับส่งพนักงานให้แก่บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่งย่านกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ มาส่งยังตัวเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งมีพนักงานเหลืออยู่บนรถแค่เพียงสองคนเท่านั้นขณะเกิดเหตุ นายสิทธิพงศ์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook