รวบแล้ว! ตีนแมวฉกาจ ตระเวนลักทรัพย์ทั่วขอนแก่น-เผยประวัติเคยติดคุก

( 5 ก.ย. 61 )  พลตำรวจโท สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภธรภาค 4  พร้อมนาย อำเภอเมืองขอนแก่น ฝ่ายปกครองทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงผล การจับกุมตัว นายอนุรักษ์ อายุ 43 ปี ชาว ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดขอนแก่น ในคดีลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้น

โดยมอบหน้าที่หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้โดยใช้ยานพาหนะ บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ หรือรับของโจร พร้อมด้วยของกลาง รถยนต์กระบะแบบแคป ยี่ห้อ โตโยต้า สีบอร์น-ทอง หมายเลข ทะเบียน ผจ 7222 ขอนแก่น จำนวน 1 คัน ทีวีสี จำนวน 6 เครื่อง กีต้าร์จำนวน 2 ตัว พระเครื่องจำนวนหลายรายการ เสื้อผ้าที่ส่วมใส่ในวันก่อเหตุและทรัพย์สิน สิ่งของ ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะ จำนวน 73  รายการ

ผู้บัญชาการตำรวจภธรภาค 4  กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า มีคนร้ายได้ขับขี่รถ จักรยานยนต์ และรถยนต์ตระเวนเข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านพักอาศัยของประชาชนในพื้นที่ ต.ในเมือง ต.ศิลา ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลายครั้งและมีพฤติกรรมการก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน เชื่อได้ว่าคนร้ายน่าจะ เป็นบุคคลเดียวกัน ชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น จึงได้สืบสวนหาและรวบรวมพยายานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดขอนแก่น

ต่อมาวันที่ 3 ก.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ได้ทำการติดตามจับกุม นายอนุรักษ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าว ได้ที่บริเวณ บริเวณกระท่อมกลางทุ่งนาหนองอีเลิง บ้านโนนสรรค์ หมู่ที่ 6 ต.พระลับ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

จากการสอบถามนายอนุรักษ์รับว่า ตนได้ก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์สินของประชาชนในเขตพื้นที่ ต.ในเมือง ต.ศิลา ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น จริง โดยเบื้องต้นรับสารภาพทำมาแล้ว 6 ครั้ง จากนั้นนายอนุรักษ์ จึงได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดทรัพย์สินที่ได้มาจากการก่อเหตุอีกจำนวนกว่า 100 รายการ รวมมูล ค่ากว่า 500,000 บาท นำมาคืนผู้เสียหาย

โดยนายอนุรักษ์เคยถูกจับกุมในข้อหาลักทรัพย์ และคดียาเสพติด ที่พื้นที่ สภ.เมืองลพบุรี เมื่อประมาณปี 2551 เมื่อพ้นโทษออกมาไม่มีอาชีพต้องการเงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน จึงได้ตัดสินใจก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินตามกฏหมายต่อไป