ปิดฉากชีวิตคู่ "ทูน หิรัญทรัพย์" ปมเหตุหย่าภรรยา เผยก่อนหน้านี้เคยคิดฆ่าตัวตาย
เคยเป็นโรคซึมเศร้าเล่นงานอย่างหนัก ถึงขั้นคิดสั้นกันเลยทีเดียว สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ ทูน หิรัญทัพย์ แถมยังมีกระแสเม้าท์แรงว่าเจ้าชู้ตัวพ่อ จนต้องหย่ากับภรรยา
ล่าสุด เจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show พร้อมเปิดใจเรื่องราวชีวิตครอบครัวและประเด็นร้อนเรื่องหย่ากับภรรยา
สมัยก่อนเป็นคนแรกในวงการบันเทิงที่ใช้คำว่า "คาสโนว่า" จริงไหม?
ทูน : "คือสมัยก่อนต้องบอกว่าในประเทศไทย การถูกเนื้อต้องตัวไม่ได้ เพราะประเพณีคนไทยถือว่าเป็นเรื่องแปลก แล้วด้วยความที่เราเป็นเด็กหัวนอก เขาอาจจะคิดว่าเราเฟรนด์ลี่เกินไป คิดแบบฝรั่งเกินไป ก็เลยอาจจะมองว่า เป็นคนเจ้าชู้ แต่ยุคนี้เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว"
มีข่าวว่า "หย่ากับภรรยาที่คบกันมา 30 ปี" เกิดอะไรขึ้น?
ทูน : "จริงๆ การใช้ชีวิตคู่ประมาณปีที่ 2-3 ก็จะรู้แล้ว ว่าคู่ที่เราเลือกมาเป็นยังไง อะไรต่างๆ เริ่มชัดเจน แล้วอาจจะเป็นเพราะว่าเราถูกอบรมมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเราต้องเป็นสุภาพบุรุษ เอาชีวิตใครมาแล้วก็ต้องดูแลเขา พอเราเริ่มชีวิตครอบครัวแล้วเราก็ต้องดูแลให้เต็มที่ อีกอย่างหนึ่งคือเราเป็นคนรักลูก กลายเป็นว่าเราต้องอยู่เพื่อลูกด้วยกัน แล้วอยู่กันมาเรื่อยๆ"
"จนถึงเวลาหนึ่งที่ลูกโตแล้ว ก็เลยต่างคนก็อยากจะใช้ชีวิตแบบอิสระ คือต่างคนต่างเข้าใจว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข มันก็จะทำให้จิตใจเราไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นดีที่สุดคือถ้าเราอยู่ห่างกันแล้วยังมีความสุขแบบนี้น่าจะโอเคกว่า"
เห็นบอกว่าตอนไปหย่า ลูกเป็นคนพาพ่อกับแม่ไป ใช่ไหม?
ทูน : "ใช่ครับ คือจริงๆ แล้วลูกๆ อยู่ในเหตุการณ์เห็นคุณพ่อคุณแม่ร้องเพลงใส่กันตลอด (หัวเราะ) เขาเลยบอกว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข ควรจะเดินคนละทางหรือแยกกันอยู่อะไรแบบนี้ แล้วเราก็คิดว่า อันนี้อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ เพราะว่าสุขภาพจิตของลูกๆ สำคัญมากกว่าของพวกเรา"
ตอนนี้ถือว่าชีวิตนิ่ง และมีความสุขที่สุดไหม?
ทูน : "ถามว่านิ่งไหม ไม่นิ่งครับ เพราะว่า 7-8 ปีที่ผ่านมา พอเราอยู่ที่ออฟฟิศ ทำงานอย่างเดียว เราจะเห็นเป้าหมายของชีวิตเราได้ คือสร้างอะไรใหม่ๆ มีนวัตกรรมด้านความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น เราเลยลุยตรงนี้อย่างเดียวเลย
แสดงว่า การหย่าเกิดขึ้นมานานแล้ว?
ทูน : "ใช่ครับ ผ่านมา 10 กว่าปีแล้วครับ คือถ้ามีการหย่าเกิดขึ้น คนที่เสียหายที่สุดไม่ว่าจะสังคมไหนก็แล้วแต่ คือฝ่ายผู้หญิง อย่างนั้นทำยังไงไม่ให้เขาเสียหาย ก็ต้องเก็บไว้เงียบๆ แต่พอมาช่วงนี้คนก็อาจจะสังเกตเห็นว่าเราไม่ได้ไปแบบครอบครัวเหมือนสมัยก่อน ก็เลยมีคำถามเกิดขึ้น เราก็เลยต้องบอกความจริง"
"หย่า" เพราะค้นพบตัวเองว่าเป็นเกย์หรือเปล่า?
ทูน : "จริงๆ ข่าวนี้มีตั้งแต่หนุ่มๆ แล้วครับ เพราะเราเป็นพระเอกที่ไม่ได้เล่นกล้ามหรือมีหน้าอก สรีระเราไม่ได้แมน เป็นพระเอกสำอาง คนเลยคิดว่าเราอาจจะเป็นก็ได้ จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ในวงการเป็นเรื่องธรรมดามาก ผมมีเพื่อนเกย์เยอะมาก ทั้งที่เป็นดารานักแสดงและนอกวงการด้วย แต่ผมไม่ได้เป็นครับ"
จริงๆ แล้ว เป็นคนเจ้าชู้ หรือเปล่า?
ทูน : "เราเป็นคนชื่นชม กับทุกๆ คนนะ ชื่นชมกับความหล่อ ชื่นชมกับความสวย เราไม่กีดกั้นอะไรความคิดใหม่ๆ ถามว่าเป็นคนเจ้าชู้ไหม ผมเป็นคนชอบมองของสวยๆ งามๆ มากกว่า และเป็นคนที่จีบผู้หญิงไม่เป็น เพราะฉะนั้นจะเป็นคนเจ้าชู้ได้ยังไง"
ตั้งแต่เป็นพระเอกมา ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหาพร้อมกันมากที่สุดกี่คน?
ทูน : "มันมี 2 วัย คือวัยที่เด็กไปเลยกับผู้ใหญ่ คือวัยเด็กเราไม่ยุ่งอยู่แล้ว ต่ำกว่า 11 เพราะมันผิดกฎหมาย คือสมัยก่อนจะเป็นเด็กนักเรียนที่แบบมาขอลายเซ็นอะไรแบบนี้ อีกกลุ่มหนึ่งก็คือโตไปเลย 40-50 ขึ้น ซึ่งตอนนั้นเราอายุประมาณ 20 กว่าๆ เราคิดว่าอายุเยอะกว่าเรา จะไหวไหม ก็ประมาณนั้น"
ทั้งที่ชีวิตมีแทบทุกอย่าง ทำไมถึงเป็น "โรคซึมเศร้า" เกิดขึ้นได้ยังไง?
ทูน : "คือไม่ใช่ทุกคน ที่ชีวิตจะประสบความสำเร็จ มันก็ต้องมีการเดินไปแล้วล้มบ้าง การที่เฟลครั้งหนึ่งในชีวิต มันทำให้เราแบบ เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้น ทำไมชีวิตครอบครัวเราเป็นแบบนี้ เราจะต้องมีใหม่ไหม ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามา แล้วเราจะเอายังไงดี มันก็สับสน มันก็เลยเกิดเป็นคำว่าโรคซึมเศร้าขึ้น เพราะเราอยากหนีไปเลย อยากมีโลกใหม่อีกใบ อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ตอนนั้นก็ดื่มเหล้าหนัก ดื่ม 10 กว่าชนิด ก็น๊อคไปเลย หลังจากนั้นก็รู้ลิมิตตัวเองว่าเราสามารถดื่มได้แค่ไหน"
ถึงขนาดเคยคิด "ฆ่าตัวตาย" ด้วยใช่ไหม?
ทูน : "หลังจากนั้นมันก็หนักขึ้น คิดทำร้ายตัวเอง เพราะชีวิตคนเราช่วงนึงมันจะต้องมีช่วงดรอป ช่วงที่มันตกมากๆ เราไม่รู้จะทำอะไร คิดว่าถ้าเราไม่อยู่ปัญหาทุกอย่างมันก็จะหายไป นั่นเป็นเพราะไม่มีคนคุยด้วย จะคุยกับภรรยา คุยกับลูกก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นผู้นำ เราก็จะไม่กล้าคุย ไม่กล้าเปิดอกกับคนที่เราเลี้ยงดูเขาอยู่ ถึงขนาดหาวิธีที่ตายง่ายๆ โดยไม่เจ็บตัว"
"ที่มาเปิดเผยเพราะไม่อยากให้คนอื่นเป็นแบบเรานะ ถ้าเกิดมีอาการแบบนี้ให้รีบคุยกับใครสักคนนึง เดี๋ยวนี้หลายๆโรงพยาบาลก็มี Call Center สมัยก่อนคนจะคิดว่าการไปหาหมอจิตแพทย์เป็นโรคจิตหรือเปล่า มันไม่ใช่นะ"
จุดไหนที่รู้สึกตัวแล้วทำให้กลับมาเป็นปกติ?
ทูน : "คือตอนที่เราอยู่บนดาดฟ้ายอดตึก ที่สูงประมาณ 40 กว่าชั้น แกล้งบอกเขาว่าจะขึ้นไปดูโลเคชั่นถ่ายหนัง ระหว่างทางก็คิดตลอด จะทำดีไหม มันก็มีความคิดหนึ่งแว้บเข้ามา คือคำว่า หนูอยากให้ป๊าอยู่ให้ถึงเห็นหนูรับปริญญา มันก็เลยได้สติมา แล้วก็อยากจะอยู่ให้ถึงวันนั้น"
หลังจากนั้น ใช้ชีวิตยังไง?
ทูน : "ก็ตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกว่าเราคุยกับใครไม่ได้ ก็มีการให้ยาแล้วก็อะไรต่างๆ แล้วก็คุยกับเรา เราเลยได้รู้ว่าถ้าเราได้คุยหรือสื่อสารอะไรกับใครสักคน เป็นการระบายชนิดหนึ่ง เป็นการบอกความลับความนึกคิดของเราออกมาโดยที่เราไม่เคยปรึกษากับใคร เพราะฉะนั้นถ้าใครมีความคิดแบบนี้ ท้อใจหรืออะไรสักนิดนึง ให้โทรไปหาจิตแพทย์ได้เลย เขาจะช่วยหาทางออกให้เรา แต่ว่าเราต้องเลือกเอง เขาจะให้ Choice เรามา แล้วเราก็ต้องเลือกเพื่อหาทางออกให้กับตัวเองครับ"
ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บ Show รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ