คนไทยทำได้! กฟผ. เผยผลสำเร็จงาน 25 ปีการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (DSM) ช่วยคนไทยประหยัดไฟ
คนไทยทำได้! กฟผ. เผยผลสำเร็จงาน 25 ปีการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (DSM) ช่วยคนไทยประหยัดไฟได้กว่าสองหมื่นล้านหน่วย
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 พร้อมสานต่อความสำเร็จของโครงการการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า (Demand Side Management – DSM) ที่ทำต่อเนื่องมายาวนานถึง 25 ปี ด้วยผลลัพธ์ที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2536 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2561 ประเทศไทยสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 27,460 ล้านหน่วย (GWh) ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ จำนวน 15.6 ล้านตัน
โครงการ DSM เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2536 ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 109 ปี ไฟฟ้าไทย โดยมีปรัชญาการดำเนินงานคือใช้วิธีการจูงใจให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับคุณประโยชน์จากไฟฟ้าเท่าเดิม หรือดีขึ้น แต่เสียค่าไฟฟ้าน้อยลง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดีกับการร่วมใจใช้หลอดประหยัดไฟฟ้า ทั้งยังมีภาคส่วนจากเอกชนผู้ผลิตหลอดไฟฟ้าทั่วประเทศขานรับนโยบายอย่างเต็มกำลังยุติการผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์ขนาด 40 และ 20 วัตต์ หรือหลอดอ้วน หันมาผลิตหลอดฟลูออเรสเซนต์ ขนาด 36 และ 18 วัตต์ ทดแทน ส่งผลให้ขณะนั้นสามารถกำจัดหลอดอ้วนหมดไปจากตลาด
กลยุทธ์ 3 อ. เคล็ดลับความสำเร็จในการลดใช้พลังงาน
ปี 2561 ถือเป็นวาระครบรอบปีที่ 25 ที่ กฟผ. ดำเนินงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้า โดยส่งเสริมด้านการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ด้วยมาตรการและแนวทางต่างๆ เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ลดการนำเข้าเชื้อเพลิง ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อีกทั้งช่วยรักษาเสถียรภาพในภาพรวมของกำลังการผลิตในช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ด้วยการดำเนินงานผ่านโครงการต่างๆ ภายใต้กลยุทธ์ 3 อ ได้แก่ อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า อาคารประหยัดไฟฟ้า อุปนิสัยประหยัดไฟฟ้า ด้วยความร่วมมือระหว่าง กฟผ. และกลุ่มพันธมิตร ประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผลการดำเนินงานได้สร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภค ให้ตระหนักถึงประโยชน์ในการลดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย จนถึงผู้บริโภคได้รับประโยชน์โดยทั่วกัน
1. อ.อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า
กฟผ. ดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โดยส่งเสริมการติดฉลากแสดงระดับประสิทธิภาพสำหรับผลิตภัณฑ์ต่างๆ จำนวนรวม 30 ผลิณภัณฑ์ โดยจนถึงปัจจุบันมียอดการติดฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ไปแล้วกว่า 353 ล้านฉลาก
ในปี 2560 เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยสวมใส่เสื้อประหยัดพลังงาน เสื้อที่ไม่ต้องรีด ผลิตจากผ้าที่ซักแล้วยังเรียบอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และผู้ประกอบการ จำนวน 22 ราย และเริ่มติดฉลากเบอร์ 5 ตั้งแต่ เดือนมกราคม 2561 โดยตั้งเป้าหมายการรณรงค์ปีละ 1,700,000 ตัว ซึ่งจะสามารถช่วยให้ประเทศชาติ ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ถึงประมาณ 7 ล้านหน่วยต่อปี หรือ 28 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3,600 ตันต่อปี
ทั้งยังมีการดำเนินโครงการศึกษา วิจัย และส่งเสริมการใช้อุปกรณ์แสงสว่าง LED ในโครงการ Dark Sky เพื่อลดผลกระทบจากมลภาวะทางแสงต่อระบบนิเวศในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการใช้แสงสว่างในการปลูกดอกเบญจมาศจำนวนมาก ซึ่งแสงส่วนเกินของหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (CFL) กระเจิงขึ้นบนท้องฟ้าจนเกิดเป็นมลภาวะทางแสง (Light Pollution) บนท้องฟ้าเป็นวงกว้าง
ในปี 2560 กฟผ. ได้นำร่องเปลี่ยนหลอดไฟในแปลงทดลองเป็นหลอด LED เพื่อลดการกระเจิงของแสงสู่ท้องฟ้าและสามารถประหยัดพลังงานได้มากกว่า 50% ผลการทดลองพบว่า หลอด LED สามารถช่วยลดการกระเจิงของแสงสู่ท้องฟ้าและลดภาระค่าใช้จ่ายได้กว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งเกษตรกรมีความพึงพอใจเป็นอย่างมากโดยโครงการมีกำหนดติดตั้งและประเมินผลแล้วเสร็จในปี 2561 ถึง 2562 คาดว่าจะก่อให้เกิดการลดการใช้ไฟฟ้าลงตลอดอายุโครงการประมาณ 5.4 GWh
2. อ.อาคารประหยัดไฟฟ้า
สำหรับ อ. “อาคารประหยัดไฟฟ้า” ได้มีการดำเนินงานพัฒนาบ้านที่อยู่อาศัยประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูง หรือบ้านเบอร์ 5 ร่วมกับการเคหะแห่งชาติเป็นโครงการนำร่อง คาดว่าการยกระดับแบบบ้านและวัสดุในการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น จะทำให้การใช้ไฟฟ้าในบ้านลดลงกว่า 0.9 ล้านหน่วย คิดเป็นค่าไฟฟ้าที่ลดลงของผู้อยู่อาศัยกว่า 3.6 ล้านบาทต่อปีประเมินเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศกว่า 489 ตัน
ทั้งยังมีการให้คำปรึกษาและวางมาตรการช่วยลดการใช้ไฟฟ้าในอาคารและโรงงาน ควบคู่ไปกับการควบคุมการเปลี่ยนอุปกรณ์แสงสว่าง LED ภายในอาคารภาครัฐ กว่า 50,000 หลอด เช่น พระบรมมหาราชวัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สำนักงาน กปร. โครงการคุ้งบางกะเจ้าเฉลิมพระเกียรติฟื้นฟูสวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้ากว่า 6.6 ล้านหน่วยต่อปี รวมถึงยังมีการตรวจประเมินโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) จำนวน 61 แห่ง
3. อ.อุปนิสัยประหยัดไฟฟ้า
สำหรับ อ. สุดท้าย กฟผ. เชื่อว่าการอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืนต้องเริ่มจากการมีทัศนคติที่ดีในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่าจึงได้มีการพัฒนากิจกรรมการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเข้าสู่กระบวนการเรียนในโรงเรียน ถ่ายทอดความรู้และปลูกฝังอุปนิสัยที่ดีแก่เยาวชนในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการห้องเรียนสีเขียวที่ กฟผ. จัดทำขึ้นในโรงเรียน 465 แห่งทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตลอดจนได้มีการต่อยอดสู่กิจกรรมลดใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายผลสู่บ้านนักเรียนและชุมชน ได้แก่ กิจกรรมโรงเรียนคาร์บอนต่ำ และชุมชนประหยัดพลังงาน ซึ่งสามารถประเมินผลการลดการใช้ไฟฟ้าได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
แนวทางในอนาคต
กระทรวงพลังงานได้จัดทำแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2558 - 2579 (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) โดยมีมาตรการหนึ่งในกลยุทธ์ภาคบังคับคือ มาตรการบังคับใช้เกณฑ์มาตรฐานอนุรักษ์พลังงานสำหรับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายพลังงาน (Energy Efficiency Resources Standards : EERS) ซึ่งเป็นมาตรการที่กำหนดให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายพลังงานจะต้องมีส่วนร่วมส่งเสริมให้ผู้ใช้พลังงานเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานโดยจะเริ่มต้นในปี 2566 - 2579 ประกอบกับสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) มีนโยบายผลักดันให้มาตรการฯ ดังกล่าวบรรลุผลเป็นรูปธรรม จึงมีความประสงค์จะให้เริ่มดำเนินการเป็นโครงการนำร่องก่อนในปี 2561 - 2565 โดยหน่วยงานที่มีหน้าที่ให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าเป็นผู้ดำเนินมาตรการอนุรักษ์พลังงาน (Energy Efficiency Resources Standard : EERS) ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
สำหรับการดำเนินงานในปี 2561 มี กฟผ. เป็นเจ้าภาพหลัก มีหน้าที่ในการนำเสนอแผนงาน โครงการและแนวทางการตรวจวัดพิสูจน์ผลประหยัดให้ทาง สนพ. พิจารณา รวมทั้งรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินงานให้ สนพ. ทราบ โดยมี กฟภ. และ กฟน. เป็นหน่วยงานสนับสนุน ทั้งนี้ ในช่วงโครงการนำร่องฯ จะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพหลักทุกปี ผ่านมาตรการหลัก 3 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการประเภทให้คำปรึกษา : ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์เพื่อเข้าไปให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา ตรวจวัดการใช้พลังงาน รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนวทางการประหยัดพลังงานให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า
2. มาตรการที่ใช้แรงจูงใจทางการเงิน : การไฟฟ้าจะให้การสนับสนุนทางด้านการเงินแก่กลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานตัวอย่างเช่น การให้เงินอุดหนุนเพื่อชดเชยการประหยัดพลังงานที่สามารถตรวจพิสูจน์ได้ การให้ Incentive รวมทั้งการหา Partner ทางธุรกิจในการแจกคูปองหรือส่วนลดในการซื้ออุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง
3. มาตรการลักษณะภาพรวม (Mass): การส่งเสริมการประหยัดพลังงานในภาพรวม เช่น การจัดการพลังงานในรูปแบบ ESCO Matching การจัดทำมาตรฐานประหยัดพลังงานที่สูงกว่ามาตรฐานฉลากเบอร์ 5 รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์พลังงาน
กฟผ. ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการดำเนินงานการจัดการด้านการใช้ไฟฟ้ามาตลอดระยะเวลา 25 ปี เพื่อการอนุรักษ์พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมุ่งมั่นในการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้าเพื่อความสุขของคนไทยสืบไป
Website: http://labelno5.egat.co.th/new58/
Facebook: https://www.facebook.com/labelNo5/
[Advertorial]