โผล่อีกแก๊ง อุ้มสาวใหญ่เรียกค่าไถ่เงินล้าน ตำรวจภาค 5 ยังหาทางช่วย

โผล่อีกแก๊ง อุ้มสาวใหญ่เรียกค่าไถ่เงินล้าน ตำรวจภาค 5 ยังหาทางช่วย

โผล่อีกแก๊ง อุ้มสาวใหญ่เรียกค่าไถ่เงินล้าน ตำรวจภาค 5 ยังหาทางช่วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจยังหาทางช่วยสาวใหญ่ถูกอุ้มเรียกค่าไถ่เงินล้าน 7 คนร้ายไหวตัวทันลากตัวเหยื่อหนีไป จับได้แค่เพียงรายเดียว สืบภาค 5 คาดถูกขังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อเป็นเป้าหมายกลุ่มพัวพันยาเสพติด มีเงินซุกซ่อนจำนวนมาก

ภายหลังจากชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ บุกเข้าช่วยเหลือ นางหลี่ อายุ 50 ปี ถูกกลุ่มคนร้ายอุ้มตัวไปกักขังไว้ในรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย เพื่อเรียกค่าไถ่เป็นเงินถึง 25 ล้านบาท พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 คน ทั้งหมดให้การซัดทอดว่า “เสี่ยเปา” เป็นผู้บงการ

ขณะที่ตำรวจเร่งขยายผลติดตามจับกุมมาดำเนินคดี โดยระบุว่ากลุ่มผู้ต้องหาอยู่ในวงการค้ายาเสพติดที่มีข้อมูลของครอบครัวผู้เสียหายที่เคยถูกจับกุมในคดียาเสพติดมาก่อน

>> สาวไส้คดีอุ้มสาวม้งเรียกค่าไถ่ 25 ล้าน-ตร.เผยเชื่อมโยงแก๊งยานรกขัดขากันเอง

ล่าสุด พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า นอกจากคดีของนางหลี่แล้ว คนร้ายกลุ่มดังกล่าวยังก่อเหตุอุ้มจับตัว นางสาวสุดาภรณ์ อายุ 52 ปี ไปจากร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในหมู่บ้านขัวแคร่ หมู่ 17 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย โดยเหตุดังกล่าวเกิดคืนวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยกลุ่มคนร้ายที่มี 8 คน ได้นำตัวนางสาวสุดาภรณ์ไปกักขังไว้ พร้อมกับเรียกค่าไถ่จากญาติเป็นเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งต่อมาญาติได้เข้าแจ้งความ กระทั่งมีการวางแผนเพื่อจับกุม โดยชุดสืบสวนได้ให้ญาตินัดหมายส่งมอบเงินเพื่อไถ่ตัว แต่จับกุมได้เพียงคนเดียว

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คนไหวตัวทัน นำตัวนางสุดาภรณ์หลบหนีไปได้ ล่าสุดคาดว่าจะหลบหนีไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางตำรวจกำลังประสานงานกับหลายหน่วยเพื่อติดตามจับกุมและช่วยเหลือนางสุดาภรณ์

สำหรับพฤติการณ์ก่อเหตุของแก๊งอุ้มเรียกค่าไถ่ที่กำลังก่อเหตุในช่วงนี้ ตำรวจเชื่อว่าจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน โดยเป็นกลุ่มที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาก่อน จะเลือกเหยื่อที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพราะเชื่อว่ามีเงิน ซุกซ่อนไว้จำนวนมาก

ทั้งคดีของนางหลี่ที่มีเครือญาติที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเคยถูกจับกุมมาก่อน เช่นเดียวกับนางสาวสุดาภรณ์ ที่พบว่าสามีถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมไปเมื่อ 4 ปีก่อน และยังเชื่อว่า “เสี่ยเปา” ที่ผู้ต้องหาซัดทอด อาจเป็นหนึ่งที่ทางตำรวจกำลังติดตามจับกุมอยู่ในขณะนี้ด้วย

พล.ต.ต.ภาณุเดช ระบุว่า แม้กลุ่มผู้ต้องหาและผู้เสียหายล้วนแต่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่การลักพาตัวเรียกค่าไถ่ก็ถือเป็นพฤติการณ์ที่ผิดกฏหมายที่ตำรวจจะต้องติดตามช่วยเหลือและจับกุมผู้ต้องหา ส่วนเรื่องยาเสพติดหากใครมีหมายจับหรือพฤติการณ์เกี่ยวข้องก็ต้องถูกดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook