เปิดใจ "น็อต วรฤทธิ์" กำลังจะได้อุ้มลูกสาว และเผยความรู้สึกคนเม้าท์เพศ "พ่อตุ่ม ชลิต"
หากพูดถึง น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์ หลายคนคงจะคิดถึงหน้าของ คุณพ่อตุ่ม-ชลิต เฟื่องอารมย์ แต่ก็มีบางคนเกิดคำถามในใจว่าสรุปแล้ว พ่อตุ่ม เป็นเพศอะไรกันแน่
ล่าสุด น็อต วรฤทธิ์ ควงภรรยา แจน นพลักษณ์ มาเปิดใจผ่านทางรายการคุยแซ่บ Show เผยถึงเส้นทางรักและลูกคนแรกที่กำลังจะลืมตาดูโลก พร้อมเผยถึงคำถามเรื่อง คุณพ่อ เป็นเพศอะไรกันแน่ ลั่นไม่เก็บมาใส่ใจใครอยากจะพูดอะไรก็ตามสบาย
ท้องลูกคนแรกเป็นอย่างไรบ้าง แล้วตอนนี้อายุครรภ์กี่เดือนแล้ว?
แจน : "เกือบ 6 เดือนแล้วค่ะ อาการแพ้ท้องไม่ค่อยมีเลยค่ะ คือไม่มีอาการอะไรเลยดีกว่า"
น็อต : "เข้าเดือนที่ 6 ครับ"
ตอนนี้ทราบเพศหรือยัง?
แจน: "เป็นผู้หญิงค่ะ"
น็อต : "ใช่ครับ จริงๆ อยากได้ผู้ชายนะ เพราะรู้สึกว่าเด็กผู้ชายมันไม่ต้องห่วงอะไรเยอะ พอเป็นเด็กผู้หญิงเราก็ห่วงเพราะว่าในสังคมสมัยนี้มันน่ากลัว"
น็อต ดูแลภรรยาอย่างไรบ้าง?
น็อต : "จริงๆ แล้วเราเป็นคนอยากมีลูกนะ พอเขาท้องเราก็ดีใจ ดูแลปกติทั่วไปครับ อยากกินอะไรก็พาไปกินเท่านั้นเอง คือไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เพราะเราไม่ใช่เป็นคนแบบว่าต้องทำอะไรที่มันพิเศษ"
วางแผนไว้ว่ายังไง จะผ่าคลอดหรือจะคลอดธรรมชาติ?
แจน : "ใจจริงๆ แจนอยากคลอดธรรมชาติ แต่ว่าไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอเขาให้คำแนะนำว่าเดี๋ยวพอใกล้ๆ ค่อยมาดูอีกที เพราะว่าเราไม่รู้ว่าลักษณะของเด็กเขาจะอยู่ยังไง แล้วเขาจะต้องดูสรีระของคุณแม่ด้วย ว่าจะคลอดธรรมชาติได้ไหมอะไรแบบนี้ค่ะ"
เมื่อน้องคลอดออกมา เตรียมตัวกันไว้ยังไงบ้าง?
น็อต : "ไม่ได้เตรียมอะไรเลยครับ เพราะว่าพวกของเด็กก็มีของพี่แนนอยู่แล้ว ใช้ต่อเลย ไม่ต้องเสียตังค์ เพราะเดี๋ยวนี้ของเด็กมีตั้งเยอะที่สามารถใช้ต่อกันได้ ส่วนที่จะเตรียมจะเป็นสถานที่มากกว่า ที่บ้านเราจะทำห้องใหม่ จะเป็นห้องของเด็กๆ คือลูกพี่แนนแล้วก็ลูกเราจะมีพื้นที่ที่เป็นของเขาโดยเฉพาะ ให้เขาได้เล่นแล้วก็ไม่มีอะไรที่มันเป็นอันตรายอะไรแบบนี้"
แจน : "จะเลี้ยงเองค่ะ แล้วอาจจะมีแม่บ้านที่บ้านช่วยบ้าง"
ย้อนกลับไปนิดนึง ทั้งคู่มาคบกันได้ยังไง?
แจน : "ตอนนั้นแจนมีแฟนอยู่แล้ว แล้วก็เหมือนกับว่าเราปลื้ม พูดตรงๆ ก็คือบ้าดารา วันนั้นไปนั่งร้านกาแฟแล้วเจอพี่น็อตเดินเข้ามา เราก็สะกิดเพื่อน ที่จริงอยากถ่ายรูปแต่เราก็ไม่กล้าขอ ก็เลยเอาเพื่อเป็นฉากหลังแล้วเราก็ถ่ายรูปเขาอะไรอย่างนี้ จากนั้นก็แท็กไปหาพี่น็อตในไอจีค่ะ"
น็อต : "ผมก็เห็น อ่านแล้วก็กด Follow กลับ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะแบบเพิ่งเล่นไอจี แล้วเราก็คบกับอีกคนนึงอยู่ด้วย แล้วเราเห็นเขาขายของบังเอิญมีของอันนึงที่อยากได้ ก็เลยสั่งซื้อ ทำให้ได้รู้จักกัน แต่เราก็เห็นเขามีแฟน ก็ไม่ยุ่งนะ ตอนหลังสนิทกันมากขึ้น เวลาที่ผมไปทำงานเชียงใหม่ ผมจะชวนเขากับแฟนมาเที่ยวด้วย สักพักเขาก็เลิกกับแฟน เราก็งงเหมือนกัน แล้วเรามีโอกาสได้คุยปรึกษากัน จังหวะตอนนั้นเราก็เป็นโสดพอดี ว่างทั้งคู่ ตอนนั้นเราคุยกันเยอะมาก แล้วรู้สึกว่าหรือเราคิดอะไรกับคนนี้ เลยตัดสินใจถามไปเลยเพราะเราคุยกันมานานแล้ว เราจะเอายังไงกันต่อดี จะลองคบกันดูไหม และพอเขาตอบตกลง ผมก็ตัดทุกคนที่คุยทิ้งหมดเลย"
มีความรู้สึกหวงบ้างไหม เพราะน็อตก็เป็นดารา แล้วค่อนข้างจะเจ้าชู้ด้วย?
แจน : "ตอนคบกันแรกๆ โดยนิสัยผู้หญิงคือจะอยากรู้ เคยเอามือถือเขามาดู เราเห็นก็รู้สึกหงุดหงิด พี่เขาเลยบอกว่าดูแล้วไม่สบายใจจะดูทำไม มันไม่มีอะไรพี่ไม่ได้คิดอะไร ทำให้เราคิดได้ มันก็จริงนะ เราไปเอาโทรศัพท์เขามาดู แล้วทำให้เราไม่สบายใจ เจนก็เลยวางไม่ดูอีกเลยค่ะ"
น็อต : "พอตัดสินใจคบกันแล้วเนี่ย เราก็พาเขาไปในทุกที่ที่เราไป ไม่มีครั้งไหนที่ไม่พาไปเลยนะ"
เพราะอะไรถึงตัดสินใจเลือกคนนี้แต่งงาน?
น็อต : "คือคุยแล้วมันสบายใจ เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ เวลามีปัญหาอะไรก็จะคุยกันเลยตรงๆ เราจะบอกเหตุผลของเราว่าเป็นแบบนี้นะ เข้าใจไหม ถ้าเข้าใจก็จบ แต่ถ้าไม่เข้าใจเราก็ขอโทษ ใครผิดคนนั้นก็ขอโทษแค่นั้นเอง ตรงไปตรงมา ชัดเจน นี่เป็นเหตุผลที่ว่าคนนี้น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับเราแล้ว"
วินาทีการขอแต่งงานสุดรวบรัด เป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อย?
น็อต : "คือผมให้แม่ไปคุยที่บ้านเขาเลย เพราะแจนต้องย้ายงาน แล้วต้องมาอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งปกติเขาจะอยู่ที่เชียงใหม่ เรามองว่าถ้าอยู่กรุงเทพฯ ให้เขาอยู่คนเดียวมันลำบาก แล้วเราคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนสุดท้าย ของชีวิตเราแล้ว เราเลยพาแม่ขึ้นไปคุยที่เชียงใหม่เลย ว่าถ้าแจนย้ายงานมาอยู่กรุงเทพฯ ขอให้มาอยู่ที่บ้านนะ ให้แม่รับประกันว่าจะดูแลลูกสาวคนนี้อย่างดี แล้วบอกว่าหลังจากตรงนี้กี่เดือน กี่ปี จะจัดงานแต่งงาน มีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน พอใกล้เวลาจะแต่งงานผมพาคุณแม่คุณพ่อไปเพื่อขออีกครั้งหนึ่ง"
มีข่าวว่าคนชอบเมาท์เรื่องเพศ พ่อตุ่ม ชลิต รู้สึกยังไงบ้าง?
น็อต : "เอาจริงๆ นะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะว่าเราเติบโตมากับเขาตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก จนถึงวันนี้แล้วเราไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรของเขาเลย สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราใกล้ชิด มันเป็นแบบที่เราเห็นมาตลอด แต่สิ่งที่คนอื่นไปพูดกันเนี่ย เขาพูดจากสิ่งที่เขาเห็นเพียงเล็กน้อยในเสี้ยวชีวิต แล้วก็เอาไปพูดเพื่อความสนุกปากของตัวเอง ไม่เห็นประโยชน์ของการพูดออกมาเลยว่ามันได้อะไรกับใคร ตอนเด็กๆ เคยโกรธนะ แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรแล้ว เราก็เฉยๆ ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป เพราะว่าเรารู้อยู่แก่ใจว่า คนที่อยู่ใกล้ๆ เรา เขาเป็นยังไง แต่สุดท้ายแล้วพอเวลามันผ่านไป ใครจะพูดอะไรมันไม่สำคัญ มันสำคัญตรงสิ่งที่เราเห็นและอยู่กับมัน มันเป็นอะไรมากกว่า ทุกคนก็มีความสุขกันดีปกติ"
แล้วตัวของคุณพ่อเอง รู้สึกยังไงบ้าง?
น็อต : "คนนั้นยิ่งไม่สนใจอะไรใหญ่เลยครับ ใครจะพูดอะไรก็พูดไป คือสิ่งที่เรารู้ตัวว่าเราเป็นอะไร เรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่ ใครจะพูดอะไรมันก็ไม่สำคัญ ถ้าเรามั่นคงกับสิ่งที่เราทำ ไม่ต้องแคร์ใครเพราะคนอื่นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตเราเลย"
อยากบอกอะไรกับคนที่ ชอบพูดถึงเรื่องของพ่อเราบ้าง?
น็อต : "ผมว่ายุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปเยอะแล้วนะ คนสามารถที่จะแสดงออกทางความคิดได้ง่ายขึ้น ผ่านโลกโซเชียลต่างๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมาแล้วคุณก็เขียนอะไรโดยที่ไม่ยั้งคิด มันเกิดจากการที่ว่าคุณรู้สึกภูมิใจที่คุณได้เหยียบคนอื่นขึ้นมา แล้วทำให้ตัวคุณเองรู้สึกดีใจ แต่คุณไม่ได้คิดว่าสิ่งที่คุณเขียนไป มันกระทบจิตใจใคร หรือทำร้ายใครบ้าง คืออยากให้ใช้สติกันเยอะๆ อย่าสักแต่ว่าทำเอามันส์ ทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดูดีกว่าคนอื่น ผมว่าอันนี้มันทำร้ายคนอื่นทางอ้อมโดยที่คุณไม่รู้ตัว แล้วมันก็ส่งผล ใครหลายๆ คนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอ แล้วโดนคำตรงนั้นไป หรือคำต่อว่า นินทาโดยที่คุณไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ คุณเห็นเขาแค่ไม่เกิน 10 วินาทีแล้วคุณตัดสินเขาเลย มันถือว่าคุณเอาเปรียบเขาเกินไปนะ มันไม่ดีเลยครับ"
ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 14.00-15.00 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บ Show รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อัลบั้มภาพ 11 ภาพ