MEA อัปเดต 5 งานบริการ ยกระดับชีวิตคนเมืองให้ดีกว่าเดิม
รู้หรือไม่ ? การไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. ได้พัฒนางานบริการให้มีความหลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สังคมเมืองด้วยความสะดวก รวดเร็ว และยังคงปรับปรุงและพัฒนาการบริการต่างๆ ให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ โดยมีบริการใหม่ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตคุณยิ่งสะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาเช็กกันทีละข้อเลย!!!
1. ชีวิตสมาร์ทขึ้นด้วยแอป MEA Smart Life
MEA Smart Life คือแอปพลิเคชันยอดนิยมที่มีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1 ล้านดาวน์โหลด สามารถตรวจสอบค่าไฟฟ้า และชำระค่าไฟฟ้าได้ทันทีผ่านบัตรเครดิตทั้ง Visa และ Mastercard อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับนาฬิกาอัจฉริยะ หรือ Smart Watch จึงช่วยแจ้งเตือนให้ชำระค่าไฟฟ้าได้ทันที และมีการแสดงประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 6 เดือนในรูปแบบกราฟที่ดูง่าย ไม่ซับซ้อน ช่วยให้คุณวางแผนการใช้ไฟฟ้าสะดวกขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญ แอป MEA Smart Life ยังแสดงสถานที่ชำระค่าไฟฟ้า และสามารถสร้าง Bar Code หรือ QR Code เพื่อชำระค่าไฟฟ้าผ่านตัวแทนชำระค่าไฟฟ้าของ กฟน. ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ หากเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้องก็แจ้งผ่านแอป MEA Smart Life ได้ทันที สะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ เพราะทันทีที่การไฟฟ้านครหลวงได้รับการแจ้งเหตุจะส่งเรื่องเข้าระบบ FFM (Field Force Management) โดยจะค้นหาตำแหน่งที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็วด้วยระบบแผนที่สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสาเหตุจากระบบ และส่งรถแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องไปยังสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นจะดำเนินการแก้ไข พร้อมแจ้งข้อมูลไปยังทุกช่องทางเมื่อดำเนินการแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องเสร็จแล้ว
“พลัส” บริการเหนือระดับสำหรับลูกค้าพรีเมียม เร็วๆ นี้
สำหรับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และลูกค้ากลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ติดตั้งเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าประเภท AMR (มิเตอร์อัจฉริยะ) เตรียมตัวให้พร้อม!!! กับบริการ MEA Smart Life Plus เพราะฟังก์ชันนี้จะช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้ไฟฟ้า (Load Profile) แบบ Real Time ได้ แสดงผลเป็นกราฟเปรียบเทียบที่ดูง่าย เพื่อให้คุณสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนและปรับการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย
2. MEA EV Application แอปอัจฉริยะเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าของคุณ
นับเป็นแอปพลิเคชันจากหน่วยงานภาครัฐรายแรกที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV)” และตอบสนองการบริหารจัดการพลังงานสะอาดในเขตเมือง MEA EV Application สะดวก แม่นยำ ให้คุณรู้ตำแหน่งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทุกค่ายที่นี่ที่เดียว และนำท่านสู่สถานีชาร์จที่ใกล้ที่สุด พร้อมแสดงสถานะหัวชาร์จ จองหัวชาร์จ บอกสถิติการชาร์จแบบ Real Time และประวัติการชาร์จ นอกจากนี้ ยังมีบริการตรวจสอบ และติดตั้งตู้ชาร์จทั้งในรูปแบบบ้านอยู่อาศัย และธุรกิจได้อีกด้วย
3. Measy ช่วยให้การขอใช้ไฟฟ้าใหม่ง่ายนิดเดียว
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังจะขอใช้ไฟฟ้าใหม่ ไม่ต้องคิ้วขมวดเรื่องเตรียมเอกสารหรือขอลางานเพื่อเดินทางไปถึง กฟน. อีกต่อไป แค่เข้าไปที่เว็บไซต์ Measy (เอ็ม อีซี่) https://eservice.mea.or.th/measy/main.jsf หรือใช้ MEA Smart Life Application แล้วทำตาม 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้ ก็ขอใช้ไฟฟ้าได้อย่างสะดวก ทันใจ
1. ระบุรายละเอียดการขอใช้ไฟฟ้า
2. ระบุสถานที่ขอใช้ไฟฟ้า
3. ยืนยันตัวตนด้วยระบบ OTP
เพียงเท่านี้ คุณก็ขอใช้ไฟฟ้าได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง แถมยังรู้ค่าใช้จ่ายทันที พร้อมชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง และติดตามสถานะการดำเนินงานได้ทุกขั้นตอนอีกด้วย
4. QR Code Cross Bank ช่วยให้การจ่ายค่าไฟสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
กฟน. ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เพิ่มช่องทางในการรับชำระเงินค่าไฟฟ้าผ่านคิวอาร์โค้ดในใบแจ้งค่าไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจด้านสาธารณูปโภครายแรกที่มีการรับชำระค่าสาธารณูปโภคจากลูกค้าผ่านระบบ QR Code Cross Bank แบบ Online โดยเมื่อลูกค้าชำระค่าบริการผ่านคิวอาร์โค้ด ด้วยการสแกนผ่าน Mobile Banking Application ของธนาคารต่างๆ แล้ว แต่ละธนาคารจะโอนเงินเข้ามาที่บัญชีธนาคารกรุงไทยของ กฟน. ทันที และกฟน. สามารถตัดยอดค่าไฟฟ้าค้างชำระของลูกค้าแบบ Real Time โดยเริ่มใช้แล้วสำหรับบิลค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา
ในอนาคต กฟน. จะพัฒนาการรับชำระเงินค่าไฟฟ้าด้วยระบบ QR Code Cross Bank บน MEA Smart Life Application และรองรับการรับชำระค่าบริการอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองให้สะดวกและง่ายขึ้นกว่าเดิม
5. บัตรประชาชนใบเดียวก็เอาอยู่
ต่อไปนี้หากคุณต้องเดินทางเข้าไปติดต่องานบริการของการไฟฟ้านครหลวง ไม่ว่าจะเป็นการขอใช้ไฟฟ้า การเปลี่ยนแปลงขนาดเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า หรืองานบริการอื่นๆ ก็ไม่ต้องยุ่งยากในการเตรียมเอกสารให้วุ่นวาย แค่พกบัตรประชาชนใบเดียว ก็อำนวยทุกความสะดวกและเข้าถึงทุกข้อมูลได้อย่างถูกต้อง สะดวกรวดเร็ว
จะเห็นได้ว่าจากความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคนี้เอง ทำให้ผลการประเมินจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) โดยทีมวิจัยของธนาคารโลก (World Bank) ประจำปี 2560 พบว่า ในบรรดากว่า 190 ประเทศทั่วโลกนั้น ประเทศไทยมีพัฒนาการด้านความสะดวกในการขอใช้ไฟฟ้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเลื่อนเป็นอันดับที่ 13 ของโลก ทั้งหมดนี้นอกจากจะเอื้อประโยชน์ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรงแล้ว ยังส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นการลงทุนจากต่างประเทศ และเกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนอีกด้วย
[Advertorial]
