โรงพยาบาลดังภูเก็ตแจงอีกมุม ดราม่าหน้าห้องฉุกเฉิน เป็นหนังคนละม้วน
จากกรณีที่โลกโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ภาพที่เกิดขึ้นหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ญาติผู้ป่วยปะทะคารมกับพยาบาล ผู้บริหารงัดวงจรปิดแจงอีกมุม จ่อแจ้งความจับผู้ก่อเหตุและมือถ่ายคลิป
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ณ ห้องลีลาวดี โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต นายแพทย์จีรศักดิ์ หล่อทองคำ รอง ผอ.รพ.วชิระ จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยผู้บริหาร หัวหน้าพยาบาล และหัวหน้าบุคลากรทางด้านการแพทย์ พร้อมทั้งส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทำการแถลงข่าวถึงกรณีที่สังคมโชเซียลได้มีการเผยแพร่คลิปชายคนหนึ่งกำลังอาละวาดและใช้คำพูดต่อว่าเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างรุนแรง จนมีการส่งต่อและแชร์กันอย่างกว้างขวาง
โดยระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางผู้บริหารของโรงพยาบาลได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) ผู้ก่อเหตุตามคลิปนั้นได้พาญาติที่แจ้งว่าเกิดอาการชักเกร็ง และช็อกหมดสติในขณะที่นั่งดื่มกันอยู่ จึงนำตัวมาทำการรักษาเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.
ทางบุคลากรทางด้านการแพทย์จึงได้คัดกรองหน้าห้องฉุกเฉินตามคลิปที่เผยแพร่ออกไป นำผู้ป่วยเข้าไปทำการรักษาในห้องฉุกเฉินพร้อมกับญาติผู้หญิงอีกหนึ่งคน ส่วนผู้ที่ก่อเหตุตามลงมาทีหลังแล้วจะเข้าไปในห้องฉุกเฉินด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าและอธิบายให้ฟังว่ามีญาติเข้าไปแล้วคนหนึ่ง
แต่ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวเกิดอาการไม่พอใจและใช้คำพูดที่รุนแรงด่าทอเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งลงมือทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่และทำลายทรัพย์สินของโรงพยาบาลตามที่เห็นในคลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด ทั้งที่ผู้เสียหายพยายามตามเข้าไปทำร้ายเจ้าหน้าที่หลายครั้ง
>> ดราม่าหน้าห้องฉุกเฉิน อาแป๊ะปะทะพยาบาล โซเชียลลั่นจุดยืนข้างญาติคนไข้
จากนั้นเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจึงต้องหลบเข้าไปอยู่ในห้องฉุกเฉิน เนื่องจากหวั่นจะถูกทำร้ายซ้ำอีก แต่ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวยังตามเข้าไปพยายามจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ถึงในห้องฉุกเฉินอีก และพยายามจะยกเก้าอี้ฟาดทำร้ายเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวอีกด้วย
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้เคียง พร้อมญาติของชายคนดังกล่าวได้เข้ามาห้ามปรามและออกจากห้องฉุกเฉินไป ซึ่งตามปกติภายในห้องฉุกเฉินจะห้ามญาติเข้าไปโดยเด็ดขาด จะให้เข้าได้ก็เฉพาะในกรณีที่แพทย์ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเท่านั้น
แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่า ชายคนดังกล่าวพยายามที่จะเข้าไปในห้องฉุกเฉินให้ได้ และลงมือทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ในขณะนั้นแพทย์และพยาบาลกำลังรักษาผู้ป่วยหนักอยู่ ทั้งผู้ป่วยโค้ดสีแดง และโค้ดสีเหลือง
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ตามสามีมาช่วยนั้น เพราะหวั่นจะถูกชายคนดังกล่าวทำร้ายร่างกายอีก จึงได้โทรศัพท์ตามสามี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน ซึ่งในขณะนั้นตนก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยและสามีของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวก็ไม่ได้ดื่มสุราหรือมีกลิ่นสุราตามที่ถูกกล่าวหา
เพราะฉะนั้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว คณะผู้บริหารโรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเห็นว่า ญาติผู้ป่วยคนดังกล่าวนั้นใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งผู้ที่เผยแพร่คลิปลงในโชเซียลมีเดีย จนทำให้ทางโรงพยาบาลเสียหายด้วย
ในส่วนอาการของญาติผู้ก่อเหตุนั้น เมื่อเข้าไปทำการรักษาในห้องฉุกเฉินแล้วอาการดีขึ้น ไม่มีอาการเกร็ง รู้สึกตัวดีไม่ได้มีอาการหนักแต่อย่างใด และหลังจากย้ายไปอยู่โรงพยาบาลเอกชนอีกแห่ง ทราบว่าแพทย์วินิจฉัยและจ่ายยาให้ พร้อมกับอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว
ดังนั้น จึงวิงวอนญาติผู้ป่วยให้เข้าใจว่า แพทย์รักษาอาการผู้ป่วยตามอาการ และจะรักษาผู้ป่วยหนักก่อนเป็นอันดับแรก เริ่มจากโค้ดแดง โค้ดเหลือง และโค้ดเขียว ตามหลักการวินิจฉัยของแพทย์