เหล่าศิลปินไทยยืนยัน "งานศิลปะสร้างสุขได้จริง"
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการจัดงานเสวนาขับเคลื่อนมุมมองทางศิลปะจากศิลปินในเทศกาลบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ “BAB Talk #16 by SangSom” ภายใต้หัวข้อ “Beyond Bliss ศิลปะสร้างความสุขได้จริงหรือ”
ภายในงานได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ประธานอำนวยการและผู้อำนวยการศิลป์ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ กล่าวเปิดงานและพูดถึงการจัดงาน บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ที่ได้รับความร่วมมือจาก SangSom
ทางด้าน สรรศิริ ยอดเมืองเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสุรา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวขอบคุณและยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนเทศกาลศิลปะระดับโลกในครั้งนี้ โดยทาง SangSom พร้อมที่จะสนับสนุนทุกๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปินชาวไทยที่สร้างชื่อเสียง และมีผลงานแสดงระดับโลก เพื่อตอกย้ำว่า “คนไทย…ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก”
ขณะที่ ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก/นักออกแบบ ที่มีบทบาทในการร่วมผลักดันวงการศิลปะไทยและผู้บริหารของสถานที่จัดงาน กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า ทุกๆ 2 ปี เราจะมีโอกาสได้เห็นผลงานแสดงระดับโลกในประเทศไทย ซึ่งได้รับความสนใจมากขึ้นทุกๆ ปี อยากให้คนไทยและทุกฝ่ายร่วมมือกันพัฒนาวงการศิลปะต่อไป เพราะศิลปะนั้นไม่หยุดนิ่ง เป็นโอกาสที่ดีของประเทศไทยที่ได้มีงานดีๆ แบบนี้ให้คนไทยและชาวต่างชาติได้ชมกัน
ทั้งนี้ งานเสวนาในหัวข้อ “Beyond Bliss ศิลปะสร้างความสุขได้จริงหรือ” ที่ทาง SangSom ได้จัดขึ้นนั้น เหล่าบรรดาศิลปินไทยที่มาร่วมพูดคุยต่างก็แสดงความคิดเห็นถึงมุมมองด้านความสุขกับศิลปะได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มจาก กวิตา วัฒนะชยังกูร ศิลปินร่วมสมัยรุ่นใหม่ ที่มีผลงานเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ถ่ายทอดภาพศิลปะการแสดงสดที่ใช้ร่างกายของตัวเธอเอง ได้แบ่งมุมมองความสุขเป็นสองอย่าง คือ “การให้ความสุขกับตัวเองและให้ความสุขกับผู้อื่น ความสุขคือการได้เห็นตัวเองพัฒนาไปเรื่อยๆ ทั้งทางความคิดและความรู้สึก ซึ่งศิลปะนอกจากจะให้ความสุข ยังสามารถช่วยเหลือสังคมได้อีกด้วย ขึ้นอยู่กับผลงานของแต่ละคนว่าต้องการบอกเราถึงเรื่องอะไร”
ด้าน สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ ที่ทำงานสร้างสรรค์ระหว่างภูมิสถาปัตยกรรมและศิลปะร่วมสมัย พูดถึงงานศิลปะสร้างความสุขไว้ได้อย่างดีว่า “งานศิลปะสามารถสร้างความสุขได้จริงๆ เพราะในฐานะผู้เสพ เวลาที่เราได้เห็นงานศิลปะใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็น เราจะรู้สึกถูกเติมเต็มรู้สึกเหมือนได้พลังบางอย่างมาเพิ่ม ส่วนในฐานะผู้สร้างเราก็หวังว่าจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจบางอย่างให้กับคนอื่นๆ ได้เช่นกัน”
มาต่อกันที่ ดุจดาว วัฒนปกรณ์ ผู้ทำงานในหลากหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นศิลปินการแสดง และผู้กำกับการแสดง ผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดจิตด้วยการเคลื่อนไหว ให้ความคิดเห็นไว้ว่า “ศิลปะสร้างความสุขได้อย่างแน่นอน และแถมยังสร้างได้มากกว่าความสุข ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสร้างศิลปะไปเพื่อเจตจำนงของวัตถุประสงค์อะไรของผู้ทำงานและของผู้เสพงาน หน้าตาความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนความเจ็บปวดอาจจะเป็นความสุขของเขาก็ได้ ในขณะที่บางคนมองเป็นอุปสรรคชีวิต เพราะความเจ็บปวดนั้นอาจจะต้องใช้เวลาในการเยียวยา ศิลปะสร้างความสุขได้และสามารถพัฒนาอะไรให้กับตัวเองได้หลายอย่าง"
ขณะที่ ต่อลาภ ลาภเจริญสุข ที่เป็นทั้งศิลปินและผู้บริหารแกเลอรี่ สร้างสรรค์ผลงานที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างงานศิลปะและผู้ชม ใช้วัตถุเก่าเหลือทิ้งมาสร้างสรรค์ผลงาน เล่าถึงความสุขที่เกิดกับงานศิลปะของตัวเองไว้ว่า “เมื่อไหร่ก็ตามที่สร้างงานออกมาแล้ว สามารถนำความรู้สึกไปสู่ผู้เสพได้จริงจะมากหรือน้อยก็ตาม มองว่านั่นคือเราได้สร้างความสุขให้กับพวกเขาแล้ว และจะทำให้สร้างงานได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย และนั่นคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นความสุข”
ปิดท้ายกันที่ ธวัชชัย พันธุ์สวัสดิ์ ศิลปินผู้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยผลงานประติมากรรมที่มีรูปทรงสลับซับซ้อนคล้ายกับงานสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นด้วยฝีมือช่างอันประณีต เล็งเห็นว่า “การสร้างงานศิลปะนั้นคือการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ อย่างน้อยเราก็ได้สร้างความสุขที่เป็นชิ้นงานรูปธรรมออกมาได้อย่างมีหลักฐาน และได้สร้างความสุขให้กับตัวเองและคนอื่น ซึ่งนั่นคือประโยชน์ของการสร้างงานศิลปะเพื่อความสุข”