พลทหารลากองพันมาสอบ กศน. แต่ต้องมาสังเวยชีวิตเพราะหว่านแห
พลทหารค่ายลพบุรี ลากองพันออกมาสอบ กศน.ที่บ้านในสุรินทร์ หลังสอบเสร็จออกไปหว่านแหที่ฝายน้ำล้น ปรากฏว่าพลาดท่า เสียหลักถูกน้ำเชียวพัดจมน้ำหาย เจ้าหน้าที่งมหาร่างกว่า 8 ชั่วโมงถึงพบ
เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ศูนย์พยาบาลฉุกเฉิน 1669 จังหวัดสุรินทร์ ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายหนุ่ม อายุประมาณ 20 ปี ถูกแรงน้ำไหลเชี่ยวพลัดตกลงฝายน้ำล้นบ้านใหม่ไทยเจริญ ต.ตรวจ อ.ศรีณรงค์ จมน้ำเสียชีวิต จึงได้ประสานนักประดาน้ำจาก วีอาร์ กู้ชีพสุรินทร์ กู้ภัยสลักไดเมืองสุรินทร์ วีอาร์กู้ชีพกังแอนปราสาท และอาสากู้ภัยสุรินทร์ เดินทางเข้าไปค้นหาร่างผู้เสียชีวิต
แต่ปรากฏว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะน้ำไหลเชี่ยว ต้องการให้กระแสน้ำสงบ นักประดาน้ำชุดดังกล่าวจึงได้เข้าดำน้ำค้นหาร่างของผู้เสียชีวิต โดยการค้นหาเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะฝายน้ำล้นมีลักษณะกว้างใหญ่ น้ำลึกและไหลแรงมาก
โดยในช่วงที่นักประดาน้ำกำลังค้นหาร่างผู้เสียชีวิต นางภารัตน์ อายุ 44 ปี แม่ของผู้สูญหาย ได้เดินทางกลับจากทำงานที่กรุงเทพฯ มายังจุดเกิดเหตุ โดยแม่ได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางให้เปิดทางสามารถค้นหาลูกชายให้ได้โดยเร็ว
และหลังจากแม่ผู้เสียชีวิตจุดธูปบอกกล่าวผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง นักประดาน้ำก็สามารถค้นพบร่างผู้เสียชีวิต จมอยู่ใต้น้ำ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 90 เมตร ในสภาพสวมเสื้อยืดสีเขียวอ่อน สวมกางเกงใน ใช้เวลาในการค้นหากว่า 8 ชั่วโมง ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ พลทหารอนุชา อายุ 23 ปี สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ที่ จ.ลพบุรี
จากการสอบถามญาติของพลทหารอนุชา เปิดเผยว่า พลทหารได้ลาพักผ่อนออกมาจากค่าย เพื่อมาสอบการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) เป็นเวลา 10 วัน เมื่อทำการสอบเสร็จแล้ว จึงได้บอกญาติว่าจะไปหว่านแหหาปลาที่ฝายน้ำล้น บ้านใหม่ไทยเจริญ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร กระทั่งในช่วงเย็น ปรากฏว่าพลทหารก็จมน้ำหายไป
นายสมบัติ อายุ 32 ปี ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และกำลังตกปลาอยู่คนละฝั่งของฝายน้ำล้น บอกเล่าว่า เห็นผู้ตายสวมไฟฉายส่องสว่างไว้ที่ศีรษะ เดินออกมาช่วงกลางฝายน้ำล้น เพื่อหว่านแห แต่พลาดท่าถูกแรงน้ำที่ไหลเชียวอย่างแรง พลัดตกลงไปตามกระแสน้ำหายไป โดยที่ตนเข้าไปช่วยไม่ทัน
จากนั้นตนได้ไปค้นหาโทรศัพท์ของผู้ตายที่รถจักนยานยนต์ เพื่อนโทรไปบอกแม่ของผู้ตายอยู่ที่ทำงานก่อสร้างอยู่ที่กรุงเทพฯ แม่ของผู้ตายก็โทรมาหายายและแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ก่อนจะประสานงานหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือค้นหาดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่าที่ฝ้ายน้ำล้นแห่งนี้เคยมีคนเสียชีวิตมาแล้วหลายคน
ทั้งนี้ พลทหารอนุชา มีกำหนดปลดประจำในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่ก็ต้องมาจมน้ำเสียชีวิตไปก่อน โดยศพของผู้เสียชีวิตอาสากู้ภัยได้นำร่างส่งไปที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อให้แพทย์นิติเวชได้ชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตและมอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป