เศร้าไม่ต่างกัน "ฌอห์ณ" เปิดใจยุติความสัมพันธ์ "ยิปซี" ถอยกลับมาในจุดคำว่าเพื่อน
เพิ่งจะลงรูปอวยพรหวานๆ ให้แฟนคลับได้ฟินในวันคล้ายวันเกิดนักแสดงสาว ยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ ไปเมื่อเดือนที่แล้ว สำหรับพระเอกหนุ่ม ฌอห์ณ จินดาโชติ แต่ก็มีกระแสข่าวลือออกมาว่าตอนนี้ทั้งคู่ได้ยุติความสัมพันธ์ฉันท์คนรักลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
งานนี้พอมีโอกาสได้เจอ ฌอห์ณ จินดาโชติ จึงได้สอบถามถึงประเด็นดังกล่าว โดยเจ้าตัวได้ยอมรับว่าถอยห่างความสัมพันธ์มาจริง ซึ่งตนก็เศร้าไม่ต่างกับฝ่ายหญิงแต่เพียงแค่มีวิธีแสดงออกไม่เหมือนกัน ส่วนเหตุผลที่ทำให้ต้องยุติความสัมพันธ์ครั้งนี้นั้น เป็นเรื่องที่คุยกันสองคน และจบลงด้วยดี สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม พร้อมยืนยันไม่เกี่ยวกับนางเอกสาว พิม พิมประภา อย่างแน่นอน
ตอนนี้สถานะเรื่องหัวใจเป็นอย่างไรบ้าง ?
"เดี๋ยวผมตอบเองก็ได้ครับ ผมเป็นผู้ชาย เราคุยกันน้อยลงครับ แต่ในฐานะของความเป็นเพื่อนก็ยังคงมีอยู่"
เหตุผลเพราะอะไร ?
"คือเราคุยกันมานานแล้วครับ ถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสถานะที่มันจะคืบหน้าหรือถอยหลัง"
ใช้คำว่าห่างหรือเลิก ?
"ใช้คำว่าห่างครับ"
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าไปกันต่อไม่ได้ ให้กลับมาเป็นเพื่อนกัน ?
"ผมว่าด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมา สถานะก็ต้องมีพัฒนาอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่มันคงที่มาประมาณหนึ่ง ตัวเราเองเป็นผู้ชายก็ต้องคุยกับเขาตรงๆ ว่าเหตุผลอะไรที่มันปรับจูนกันได้ไหม เรื่องอะไรที่ไปต่อไม่ได้ หรือเรื่องอะไรที่มันยังต้องคงอยู่แบบนี้ ผมรู้สึกว่าเราไม่ควรจะทำให้มันเสียเวลาซึ่งกันและกันครับ"
ระยะเวลานานแค่ไหนแล้วที่เราตัดสินใจถอยออกมา ?
"ก็ประมาณหนึ่งแล้วนะ ช่วงที่พี่ไปสัมภาษณ์เขาก็ประมาณนั้นแหละ แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงเขาก็ยากที่จะตอบ เราเป็นผู้ชาย เราตอบง่ายกว่า แต่มันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง ซึ่งถ้าถามว่ามีการถามไถ่สารทุกข์สุขดิบไหม มีครับมี ไม่ได้ห่างหายไป มันหายไม่ได้หรอก ความเป็นเพื่อนก็ยาวนานมามาก เราก็ยังมีถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง"
เรียกว่าห่างออกมาด้วยความเข้าใจของทั้งสอง ?
"เข้าใจๆ ผมว่าเขาเข้าใจนะ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่คนสองคนเข้าใจดีที่สุดนะครับ แต่ว่าคนอื่นจะเข้าใจยังไงอันนี้ก็สุดแท้แล้วแต่เขา"
ลดสถานะจากคนรู้ใจกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิมใช่ไหม ?
"ใช่ๆ เราเป็นเพื่อนกัน เมื่อก่อนเราเป็นเพื่อนที่สนิทกัน และวันนี้เราก็เป็นเพื่อนกัน เราไม่มีทางที่จะไม่เป็นเพื่อนกัน"
พอมีข่าวแบบนี้คนเลยโยงว่า หรือเพราะความสนิทสนมระหว่างเรากับ พิม พิมประภา ถึงทำให้ต้องลดสถานะความสัมพันธ์กับยิปซี ?
"ขอร้องเลยว่าอย่าโยงน้องเข้ามาเกี่ยว น้องยังเด็กมาก และในฐานะของการทำงานมันเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเข้าใจ ละครมันออน และภาพผมกับน้องทุกอย่างมันอยู่ในขบวนการพีอาร์ทั้งหมด ผมไม่อยากให้น้องเข้ามาเกี่ยวจริงๆ เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับคุณยิปเองเป็นเรื่องของคนสองคน น้องก็มีพื้นที่ส่วนตัวของเขา น้องเป็นผู้ร่วมงานที่ดี และน้องก็ยังเด็ก อย่าเอาข่าวไปเขียนพาดพิงเขาเลยดีกว่า"
กับพิมคือแค่ร่วมงานอย่างเดียวใช่ไหม ?
"ใช่ ส่วนใหญ่เราจะเจอกันตามโปรโมท ต้องยอมรับว่าเดือนนี้เจอกันบ่อย อาทิตย์ละครั้ง เพราะด้วยความที่ละครยังออน และใกล้จะอวสาน ทางผู้ใหญ่ช่อง 7 ก็จะให้ไปออกรายการนู้นรายการนี้เสมอ ก็เลยไม่แปลกนะครับ ซึ่งผมอยากให้เข้าใจ น้องเขาอาจจะไม่ได้มาตอบบ่อย แต่ผมไม่อยากให้ไปกระทบครอบครัวเขา มันไม่เกี่ยวเลย"
ได้คุยกับยิปซีถึงข่าวนี้ไหม ?
"ก่อนหน้านี้มันก็จะมีข่าวแบบนี้มาตั้งแต่ช่วงถ่ายทำ ผมก็เข้าใจแหละว่ามันต้องมีประเด็นเล่นเรื่องอะไรต่างๆ ให้เป็นกระแสไป แต่ตัวยิปเข้าใจ คือตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเคยบอกไปว่า เรื่องของเราก็คือเรื่องของเราจริงๆ เราไม่เคยเปิดพื้นที่ให้เรื่องของคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของเรา"
ยิปซีเคยแสดงอาการหึงบ้างหรือเปล่า ?
"เรื่องความรู้สึกอะไรลึกๆ แบบนั้น เขายังไม่ได้บอกอะไรกับผมนะ แต่ทุกวันนี้เราคุยเรื่องของสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราสองคน และตัวยิปเป็นผู้ใหญ่มาก เขาจะไม่เอาเรื่องอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับเขา เขาก็จะคุยแค่เรื่องแค่นี้"
หลายคนมองว่ายิปซีดูจะเฮิร์ทมากกว่าเรา ?
"เอ่อ... ผมว่าคนเรามีความรู้สึกที่แสดงออกมาคนละแบบ และผมก็ผ่านจุดที่คนชอบเอาไปเชื่อมโยงทางโซเชียลมาเยอะ ทางที่ดีที่สุดคือผมต้องโปรโมทละคร ผมเลยไม่อยากให้คนไปคิดมากและเป็นห่วงผมมาก ผมมีวิธีการแสดงความรู้สึกคือปรับทุกข์กับคนรอบตัว แต่ผมก็เข้าใจผู้หญิงนะ และไม่ได้ว่ากัน มันเศร้ากันหมดแหละครับ แต่เวลาก็จะทำให้ผ่านพ้น"
โอกาสที่จะกลับมาร่วมงานหรือได้เจอกันตามงาน ยังมีอยู่ไหม ?
"เดี๋ยวก็มีนัดเจอครับ"
ยังคงกลับมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเหมือนเดิม ?
"เขาเป็นเพื่อนที่ดีกับผมมากนะ และไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมต้องห่างเหินจากเขา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราต่างคนต่างยื่นสิ่งที่ดีให้กัน และการที่ต้องเพิกเฉย หรือไม่เป็นเพื่อนกัน ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ยังไงก็เป็นห่วงเขาอยู่แหละ"
ย้อนกลับไประยะเวลาที่เริ่มศึกษาดูใจกัน ทั้งหมดกี่ปี ?
"จริงๆ ด้วยความที่เราไม่ได้กำหนดสถานะครับ ทุกคนก็เห็นว่าเราไปไหนมาไหนกัน และผมก็ไม่ได้ปิด ตอบว่าเป็นเพื่อนที่สนิทจริงๆ และก็คุยคนเดียวจริงๆ ไม่ได้มีการกำหนดว่าวันนี้เราจะเป็นอะไรกัน มันเป็นความรู้สึกดีที่ให้กันครับ"
ตัวเราพร้อมเปิดใจรับคนใหม่หรือยัง ?
"พอถูกถามก็รู้สึกโหวงๆ เหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่าเราอาจจะไม่พร้อมจริงๆ ในเวลานี้ และสิ่งที่สำคัญงานก็เข้ามาเรื่อยๆ ละครก็ถ่ายไปออนแอร์ไปโปรเจกต์หน้าก็กำลังจะเปิดกล้อง ผมว่าปีนี้ผมคงต้องอยู่กับตัวเอง"
เราเป็นคนที่อยากจะลดสถานะใช่ไหม ?
"มันเป็นการคุยกันสองคนครับ"
เราเป็นคนเริ่มก่อนใช่ไหม ?
"ไม่ครับ เป็นการคุยกัน เขาเปิดประเด็นมา เราก็คุยกัน"
ถือเป็นช่วงพักใจ ?
"ใช่ครับ ผมว่ามันยากมากที่จะตอบเรื่องส่วนตัวให้เป็นเรื่องส่วนรวม และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง ผมก็พยายามจะประหยัดคำพูด และตอบให้กระชับที่สุด ถ้าทุกคนอยากรู้ก็มาถามผม เพราะผมเข้าใจความรู้สึกผู้หญิง และเขาคงไม่อยากมานั่งตอบเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ก็รบกวนว่าอย่าไปจี้อะไรเขาเยอะ ให้เวลาเขาหน่อย"
ช่วงนี้พักใจและลุยงานเลยใช่ไหม ?
"ใช่ครับ ช่วงนี้งานเยอะจริงๆ และผมก็ไม่ได้อ้างว่างานเยอะ ขอโฟกัสงานก่อน คือตื่นมาเราต้องทำงาน และไม่อยากเอาเรื่องส่วนตัวมาคิดในกอง หรือทำงานมันไม่ดีเลยซักอย่าง ตอนนี้ก็คงถึงเวลาต้องนั่งทบทวนตัวเองและอยู่กับที่บ้านบ้างนะ"
เหตุผลเพราะเรื่องงานเยอะด้วยหรือเปล่าเลยทำให้ห่าง ?
"ผมไม่ได้เอามาอ้างนะ คือเวลางานก็คือเวลางาน เวลาส่วนตัวมันก็หาได้แหละ แต่สุดท้ายมันเป็นเรื่องของที่เราคุยกันว่าอนาคตจะยังไง เรื่องงานไม่มีปัญหาเพราะเคยทำงานหนักมามากกว่านี้แล้ว"
ช่วงนี้กลัวไปไหนกับเพื่อนผู้หญิงคนจะจับตามองไหม ?
"ผมก็ตอบชัดเจนนะ และผมก็สามารถตอบชื่อออกสื่อได้ว่าคนนี้คือใครบ้าง อยู่ที่ไหน ยืนยันคำเดิมว่าช่วงเวลานี้คงต้องพักแล้วทบทวนตัวเองอยู่ที่บ้าน หลานก็เปิดเทอม มีเวลาหลายอย่างที่เราต้องทำ"
ละครออนแอร์ชนกันสองเรื่องหนักใจไหม ?
"ช่วงแรกหนักใจนะครับ เพราะหนึ่งก็เป็นผู้มีพระคุณ สองก็เป็นผู้ใหญ่ที่ให้โอกาสที่ดีเป็นโปรเจกต์ทีวีทางช่อง 7 และช่องวัน ผมลำบากใจจริงๆ เพราะว่าช่วงเวลามันชนกัน ผมมานั่งคิดว่าจะต้องลง อินสตาแกรมเวลาไหน รีทวีตอะไรได้บ้าง บางทีก็พิมพ์ตอบผิดเรื่อง แต่ก็คิดว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นเรื่องสนุกในชีวิต มันก็เป็น ฌอห์ณ ชน ฌอห์ณ คุณชอบเรื่องไหนคุณดูเรื่องนั้น และเราก็เต็มที่ทั้งสองเรื่อง ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่แล้ว เรื่องลูกไม้ลายสนธยา หนึ่งปีที่ทำงานมาก็เป็นโอกาสที่ดีของผม ส่วน บาปรัก ผมเชื่อว่านักแสดงรุ่นผมหลายคนก็อยากทำงานร่วมกับพี่กบ สุวนันท์ พี่วิลลี่ และนักแสดงอีกหลายท่านเป็นโปรเจกต์ที่ดี เรื่องมันจานร้อนก็พยายามทำเต็มที่เท่าที่เราทำได้ จากความเครียดมันกลายเป็นเรื่องตลกก็มีปรึกษาเหมือนกันว่าเราจะลง โปรโมทอย่างไร เราก็คงปล่อยให้เป็นเรื่องของการตลาด”
เรียกว่าสองเรื่องนี้ตีคู่กันมาเลย ?
"ผมก็มองว่าดีนะ พาคนดูสลับกันไปมาสองเรื่องนี้คาแรกเตอร์ก็ต่างกัน อยากให้คนเห็นพัฒนาการมากกว่าคุณชอบเรื่องไหนก็ดูเรื่องนั้น หรือถ้าคุณไม่ชอบเลยก็รอดูเรื่องต่อไปผมก็อยากทำให้เต็มที่สมกับโอกาสที่เขาให้ ซึ่งในวันจันทร์-อังคาร ผมต้องกลับบ้านกลับไปดูละคร ไม่สามารถไปไหนได้จริงๆ พี่กบก็บอกว่าจันทร์-อังคาร เป็นคิวที่ดีมาก เป็นศึกช้างชนช้างในหลายๆ ช่องรวมกัน ให้คิดในแง่ดี อย่าไปนอยด์ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมคิดว่าการได้ร่วมงานกับช่องเจ็ดซึ่งเป็นช่องใหญ่รายการได้ร่วมงานกับช่องวัน ซึ่งมีนักแสดงลูกหม้อมาจากช่อง 7 ก็เป็นโอกาสที่ดีมองในแง่ดีแล้วกัน"
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ