“นาย ณภัทร” ยิ้มแก้มปริ คว้าปริญญาใบแรกของตระกูล ทำ “แม่หมู” ปลาบปลื้มที่สุด

หลังจากสำเร็จการศึกษาหลักสูตร Communication Design วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และได้เข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรไปเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (20 ก.ย.) สำหรับนักแสดงหนุ่ม นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ

โดยงานนี้ นาย ณภัทร ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนให้ฟังว่า รู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็หายเหนื่อยกับสิ่งที่เรียนมาทั้งหมด เพราะวันนี้ทำให้ แม่หมู พิมพ์ผกา ปลาบปลื้ม เนื่องจากถือว่าเป็นปริญญาใบแรกของตระกูลก็ว่าได้

"วันนี้เป็นวันพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพฯ เพิ่งออกมาสดๆ ร้อนๆ เลย ตอนซ้อมเราก็คิดว่าเหมือนออกงานทั่วไป แต่พอวันจริง ตั้งแต่ได้ยินเพลงจากวงดนตรีของดุริยางคศิลป์ฯ ก็ขนลุกตลอดเลย มันเหมือนภาพที่เราเคยเห็นตั้งแต่เราเรียนอยู่ชั้นปี 1 เราฝึกฝน เรามีความทรงจำในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ทุกอย่างมันกลับมาจนวันนี้ที่เราทำวิทยานิพนธ์ออกไปจนประสบความสำเร็จ ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระเทพฯ รู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ถูกเลย ใจสั่นไปหมด เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ ตอนที่รับปริญญาบัตรไม่กล้ามองพระพักตร์เลย รีบก้มรีบออก ทำเวลาให้เร็วที่สุด วันนี้มีช็อตประทับใจอันหนึ่งคือตอนที่กล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระพักตร์ ท่านให้คำอวยพร คำยินดีกับนักศึกษาบัณฑิตใหม่ทุกท่าน เป็นภาพที่ประทับใจมากเลย ผมยืนอยู่ข้างหลังสุด เห็นบรรยากาศ โลโก้มหิดล เห็นทุกอย่าง เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากวันนี้ภูมิใจที่วันนี้มาถึงเสียที"

แม่ปลื้มขนาดไหน ?

"ปลาบปลื้มตั้งแต่วันซ้อมย่อยวันเล็กๆ เลย เขาก็ตื่นเต้น ปริญญาใบแรกของตระกูลผมเลยก็ว่าได้ เขาน่าจะตื่นเต้นกว่าผมเยอะเลย"

ที่ผ่านมาฝ่าฟันมาขนาดไหนกว่าจะได้ปริญญาใบนี้ ?

"หนักสุดๆ เลย สำหรับผม ผมสอบเทียบวุฒิ ผมเข้ามหิดลได้ตอนอายุ 16 ปี จะอ่อนกว่าคนอื่น 2 ปี พอเข้ามาก็ต้องพยายามกว่าคนอื่นเยอะมากๆ เราโชคดีที่มีอาจารย์ดี ได้เพื่อนฝูงที่ดี ได้สังคมที่ดี เจอในสิ่งที่เราชอบ เรารักที่จะเรียนก็คือในสาขาคอมมูนิเคชั่นดีไซน์ เกี่ยวกับงานออกแบบ งานดีไซน์ ตอนปี 2 เราก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ช่วงนั้นเป็นอะไรที่เหนื่อยมากเพราะเราเพิ่งเริ่มทำ ทุกคนก็ให้กำลังใจเรา พอทำไปเรื่อยๆ ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น เกรดที่ออกมาเอหมดเลย เราก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ผมเชื่อว่านักศึกษาหลายท่านก็คงเป็นเหมือนผมที่ว่าต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว ผมว่าแต่ละคนก็มีประสบการณ์ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน มาถึงวันนี้แล้ววันที่เราประสบความสำเร็จในชีวิตขั้นหนึ่งแล้ว รับปริญญาแล้ว มันหายเหนื่อยหมดเลย มองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี ที่คุ้มค่าที่เราเลือกที่จะไม่ปฎิเสธโอกาสอะไรทั้งนั้น ยอมทำ ยอมเฉือนเนื้อตัวเอง ยอมเสียน้ำตา ทุกอย่างเพื่อที่จะได้มาในวันนี้"

จุดสำคัญในเรื่องการเรียนของเราคืออะไร ?

"เป็นเรื่องของเวลา ผมจะเป็นคนที่ทำอะไรผมจะคิดเสมอว่าผมไม่เก่ง ผมเชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น"

นาย ณภัทร รับปริญญา

จะไปต่อไหมสำหรับการศึกษา ?

"ยังไงก็ไปต่อแน่นอน งานดีไซน์ที่ผมเรียนมา ตั้งใจว่าจะไม่ทิ้งแน่นอน สัญญากับตัวเองว่าภายใน 1 ปี ผมต้องทำงานดีไซน์ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์เพื่อสังคมอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เราขาดด้านนี้ไป มันเป็นสิ่งที่เรารักที่จะทำ น่าจะมีคนเห็นในอินสตาแกรมของคุณแม่แล้วว่าผมทำโปรเจ็กต์หนึ่งที่เป็นงานดีไซต์มา 4 เดือนแล้ว เป็นปฏิทินปี 2019 เป็นปฏิทินของ ณภัทร ผมทำเองทุกขั้นตอน เอางานทีสิสของผมมาต่อยอด งานดีไซต์ผมก็ทำเองหมด รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะมอบให้กับน้องๆ ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์สำหรับการศึกษา"

วันนี้มีกล่องรับบริจาคจากแฟนๆ ด้วย ?

"ผมเชื่อว่ามีหลายท่านมางานรับปริญญาก็อยากจะมาแสดงความยินดี แต่ทีนี่ผมรู้สึกว่าดอกไม้เป็นสิ่งที่อยู่ได้ไม่นาน เราได้มามันสวย เราขอบคุณคนที่ให้มามากๆ เลย แต่มันอยู่ได้ 1-2 วันเท่านั้นเอง ผมเลยหาวิธีอยากเอาเงินแทนที่จะไปซื้อดอกไม้ เอามาต่อยอดเป็นอย่างอื่นดีไหม ก็เลยคิดว่าไหนๆ เราจะทำงานดีไซต์เพื่อสังคมแล้ว งั้นก็เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยแล้วกัน ขออนุญาตเปลี่ยนจากดอกไม้เป็นเงินสมทบทุนสำหรับการศึกหาให้กับน้องๆ ที่ขาดโอกาสด้านการศึกษาแทน ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนกัน น่ารักมากๆ เลย ตอนนี้อยู่ในระหว่างการคัดเลือกว่าจะนำเงินบริจาคไปให้ที่ไหน เราอยากให้น้องๆ ที่อยู่ไกลและขาดแคลนจริงๆ ช่วงตุลาคม-พฤศจิกายนคงได้ทราบกัน เพราะจะเริ่มเปิดขายช่วงนั้น ปีนี้ผมก็เริ่มฟิตหุ่นแล้วเดี๋ยวคงได้เห็นที่มีถ่ายแบบถอดเสื้อกันด้วยนิดหนึ่งในปฏิทิน"

ก่อนหน้านี้เป็นไข้เลือดออก ?

"ใช่ครับ เราทำงานหนัก ไปทำงานที่ต่างประเทศกลับมาสภาพพังมาก ตอนแรกผมขอไม่ให้แม่บอกใคร เพราะว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แล้วตัวเราเองก็ต้องรีบพักฟื้นด้วย เพราะใกล้วันรับปริญญา เราไม่อยากให้ไปติดเพื่อน ก็รักษาตัวพักผ่อนให้เต็มที่ อยู่โรงพยาบาล 3 วันแต่เป็นมาแล้ว 7 วัน เราก็รักษาตัวเองเหมือนปกติ ปกติเป็นนักกีฬา ไม่ได้เข้าโรงพยาบาลมา 6-7 ปีแล้ว นอกจากแพ้รุนแรง ครั้งนี้คือมันปวดหัว นอนหลับไม่ได้ ทรมานสุดๆ ก็เลยไปเช็คที่โรงพยาบาลปรากฎว่าเม็ดเลือดขาวหายไปวันต่อวันเยอะมากๆ จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ตอนนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ เกือบหายดีแล้ว"