เปิดหมดเปลือก "ตระกูลชินวัตร" เกิดอะไรขึ้นในวันรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
เพจเฟซบุ๊ก กรุงเทพ กรุงเทพ ซึ่งเป็นสื่อโซเชียลที่รายงานความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาอย่างต่อเนื่อง ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปประกอบ ในหัวข้อ “เมื่อเครื่องบินนายกฯ ทักษิณ ถูกสั่งให้กลับไทย!” โดยอ้างอิงเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
คณะผู้ก่อการรัฐประหารมีคำสั่งให้เครื่องบินนายกฯ ทักษิณ บินตรงกลับประเทศไทย แต่ทว่าก่อนจะถึงรันเวย์ปลายทางดังกล่าว “เครื่องบินเช่าเหมาลำจากประเทศไทย” ได้แวะส่ง นายกฯ ทักษิณ กับ “ผดุง ลิ้มเจริญรัตน์” เลขานุการส่วนตัว ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเช้าวันที่ 20 กันยายน 2549 “ผมตัดสินใจไปอังกฤษเพราะลูกสาว พินทองทา เรียนอยู่ที่นี่ อีกอย่างคือเพราะอังกฤษเป็นประเทศประชาธิปไตย “เอม” จึงเป็นคนในสกุล “ชินวัตร” คนแรกที่มีโอกาสพบ “ผู้นำครอบครัว” ที่ถูกปล้นอำนาจการปกครอง
วันที่พ่อมาถึง เอม เข้าไปกอดพ่อแน่นเลย แล้วพูดประโยคหนึ่งกับพ่อ "ไม่เป็นไรนะพ่อ พ่อจะได้มีเวลากับพวกเราะเยอะขึ้นไง พ่อจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น" ขณะที่สมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างไม่ปกติ
ในนาทีแห่งการเปลี่ยนแปลง “ขั้วอำนาจ” คุณหญิงพจมาน ผู้เป็นภริยา และ อุ๊งอิ๊ง กบดานอยู่ในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง ส่วน “โอ๊ค” ออกตระเวนไปหลบอยู่ใน “ที่ปลอดภัย” หลายแห่ง “โอ๊ค” เล่าว่าได้รับโทรศัพท์จากคุณแม่ ในช่วงบ่ายของวันที่ 19 กันยายน 2549 ขณะกำลังเดินทางไปสนามฝึกซ้อมยิงปืน โดยมารดาสั่งให้เขากลับบ้านด่วน เพราะสถานการณ์ไม่ค่อยดี แต่จากนั้นไม่กี่อึดใจ ปลายสายเดิมกลับโทรมาแจ้ง “เปลี่ยนแปลงคำสั่ง” “คำสั่ง” จากแม่เด็ดขาด-ชัดเจน ให้พื้นที่ “บ้าน” เป็นสถานที่ต้องห้าม และเปลี่ยนพิกัดพื้นที่หลบภัย “โอ๊ค” ถูกสั่งห้ามไม่ให้เขากลับเข้าบ้านพักในซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 เพราะเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และขอให้หลบไปนอนที่อื่น และอย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ที่ซ่อนตัว
หลังฟังคำแม่ “โอ๊ค” แวะไปกบดานที่คอนโดมีเนียมของเพื่อนย่านสาทร “พอไปถึงโอ๊คก็เปิดทีวีดู เห็นเขาตัดรายการอื่นทิ้งหมด ก็รู้ว่าผิดปกติแล้ว จนกระทั่งมีการยืนยันว่ามีการรัฐประหาร ก็เลยออกจากคอนโดฯ ประมาณเที่ยงคืน แล้วขึ้นไปนั่งอยู่ในรถตู้ส่วนตัว 3-4 ชั่วโมง” เวลา 02.00 น. เศษของวันใหม่ “โอ๊ค” ตัดสินใจต่อสายถึงเลขานุการของเพื่อนสนิทอีกคน เพื่อติดต่อขอใช้บ้าน ที่มีทำเลอยู่ใกล้ๆ “เซฟเฮาส์เคลื่อนที่” เป็นที่ซ่อนตัวแห่งใหม่
“ผมโทรไปถามว่าขอไปนอนที่บ้านได้ไหม เขาบอกได้ ก็เลยไปอาศัยนอนที่บ้านเขา….คืนนั้นโอ๊คใส่เสื้อกันกระสุนตลอด ต้องคอยระวังตัวตลอดเวลาตลอดคืนนั้น” โอ๊คเผยความลับในนาทีที่ความรู้สึก “เป็น” กับ “ตาย” มีปริมาณเท่าๆ กัน
“ขณะนั้นโอ๊คคิดเลยว่าถ้าต้องถูกพวกนั้นจับตัวไป เพื่อเรียกพ่อกลับเมืองไทยมาติดคุก โอ๊คจะยิงตัวตายเลย ซึ่งถ้าเขาจับลูกคนใดคนหนึ่งไว้ ยังไงพ่อก็ต้องกลับแน่นอน เพราะฉะนั้นต้องหนีก่อน” “แล้วก็เกือบจะเกิดเรื่องขึ้นตอนประมาณตี 5 มีคนในบ้านตื่นเช้าเดินลงมา โอ๊คได้ยินเสียงแก๊กๆๆ ไม่รู้ว่าใคร ก็เลยตะโกนถาม “ใคร?” เหมือนกับเขาไม่ได้ยิน หรือคิดว่าโอ๊คไม่อยู่หรือไงไม่ทราบ เขาก็ไม่ตอบ โอ๊คเห็นท่าไม่ดี ก็ลุกขึ้นปลดเซฟปืน แล้วถามอีก “ใคร?” เลขาฯ เพื่อนได้ยินโอ๊คตะโกนก็เลยรีบวิ่งมาบอก นั่นคุณย่าเขาเอง ก็เลยโอเค ช่วงนั้นใครเข้ามา โอ๊คยิงแน่ ใครจะมาจับนี่สู้ตาย ตายก็ตาย ไม่ยอมให้จับเป็นตัวประกัน”
ก่อนฟ้าสาง โอ๊คตัดสินใจย้ายที่หลบภัยอีกครั้ง โดยตามไปสมทบกับมารดาและน้องสาวที่บ้านเพื่อนของอุ๊งอิ๊ง ทั้งหมดกบดานอยู่ที่นั่นอีก 2-3 วัน ก่อนย้ายที่อยู่ใหม่ไปเรื่อยๆ เป็นเวลาร่วมๆ 2 สัปดาห์ หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 สามแม่ลูกซุ่มใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ตลอด ไม่ได้เผ่นหนีไปประเทศสิงคโปร์ตามที่มีข่าว การเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเขา คือ การบินตรงไปอังกฤษ ด้วยเครื่องบินของสายการบินไทย เพื่อพบหน้า นายกฯ ทักษิณเท่านั้น “ระหว่างนั้นเราโทรคุยกับพ่อตลอด พ่อบอกให้อยู่แถวนั้นไปก่อน ไม่มีอะไรหรอก เขาคงไม่ทำอะไรลูก ไม่ทำอะไรแม่หรอก”
เอม พินทองทา คือสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่อยู่เคียงข้างพ่อ ในยามตกทุกข์ในต่างแดน เอม พินทองทา แวะมาหาพ่อที่อพาร์ตเมนต์ใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้าแฮร์รอดส์ ตอนอยู่อังกฤษ คุณพ่อดื้อจะกลับเมืองไทยให้ได้ บอกจะขอเกิดและตายที่เมืองไทยเท่านั้น และจะพูดแต่ว่าพ่ออยากกลับไปสู้ พ่ออยากกลับไปพิสูจน์ พ่อพูดแต่คำแบบนี้ ครั้งหนึ่งนายกฯ ทักษิณออกอาการดื้อดึงถึงขีดสุด ยืนกรานจะกลับบ้านเกิดท่าเดียว ทำเอา “เอม” อ่อนใจทรุดตัวไปนั่งกองกับพื้นอพาร์ตเมนต์ เธอกอดขาพ่อ พร้อมส่งเสียงวิงวอน…
“อย่ากลับเมืองไทยตอนนี้ได้ไหม พ่อก็รู้ว่ามันไม่ปลอดภัย พ่อบอกว่าพ่อไม่สนหรอก พ่อไม่กลัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด พ่อต้องกลับไปสู้ พ่อต้องกลับไปพิสูจน์" เอมรู้สึกว่าพ่อดื้อมาก เอมไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ได้แต่บอกว่าถ้าพ่อรักลูก รักแม่ พ่อต้องอยู่ที่นี่ก่อน เอมเผยเบื้องหลังความสำเร็จในการเหนี่ยวรั้งพ่อไว้ที่ลอนดอนว่า เป็นเพราะได้เทคนิคการเจรจา-บอกบทจากคุณแม่นั่นเอง
“แม่จะโทรมาหาเอมตลอด โดยบอกว่าไปหาพ่อนะ พยายามพูดให้พ่ออยู่เมืองนอกกับลูกก่อนนะ ลูกก็รู้ว่ายังกลับเมืองไทยไม่ได้ แม่จะคอยไกด์ตลอด แม่บอกว่าแม่พูดกับพ่อมากไม่ได้ เพราะพ่อรู้ว่าแม่แอนตี้การเมือง เขาจะไม่ค่อยฟัง ให้ลูกพูดแทน แล้วก็สอนว่าให้พูดยังไง”
ครั้งหนึ่ง นายกฯ ทักษิณ ได้คิดหวนคืนประเทศอีกหลายครั้ง เคยมีความคิดถึงขั้นว่า จะแอบนั่งเฮลิคอปเตอร์เข้ามาในภาคอีสาน แล้วกระโดดร่มลงมา จากนั้นจะไปหาชาวบ้านในภาคอีสาน และพากันเดินเท้าเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น!!!
นายกฯ ทักษิณ กล่าวว่า “ถ้าไม่ชนะไปเลย ก็ตายไปเลย ก็ต้องสู้กับมัน อย่างดีก็แค่ตาย” เมื่อนายกฯ ทักษิณ ยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทำให้คุณหญิงพจมาน ต้องวาง “ชีวิตสมรส” เป็นเดิมพันด้วย คุณหญิงพจมาน ยื่นคำขาดว่า “หากกลับเมืองไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน เราขาดกัน เราเป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน ถ้าเธอไม่ฟังแล้วกลับเมืองไทย ทุกอย่างตรงนั้นมันจบ"
เอม บอกว่า “ที่แม่พูดอย่างนี้เพราะแม่ห่วงพ่อมาก กลัวจะหนีกลับเมืองไทย” ห้วงเวลาวิกฤตของครอบครัว “ชินวัตร” ที่ผ่านมา “ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลยที่พ่อกับแม่แก้ไม่ได้ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร เดินไปหาแม่ แม่ก็จะหาทางออกให้ทำอย่างนี้ๆ นะ พ่อก็จะบอกอย่างนี้ๆ แต่วันนี้กลับมีปัญหาที่พ่อกับแม่ยังแก้ไม่ได้เลย”
เวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ “โอ๊ค” ได้ตามมาสมทบที่ลอนดอน เขาจึงเป็นชินวัตรคนที่ 2 ที่มีโอกาสพบหน้าผู้นำครอบครัว “ไม่เป็นไรนะพ่อ” คือคำพูดแรกที่ “โอ๊ค” กล่าวกับพ่อ ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าสวมกอดกัน
โอ๊ค เชื่อว่าเหตุผลที่ทำให้รัฐบาล “ทักษิณ” โดนปฏิวัติมีเพียงข้อเดียว นั่นคือ “คนมันอิจฉา”