สาวไทยกลัวตาย อดีตสามีแขกซาดิสต์ ฉุดขึ้นห้อง-จับโกนหัว-ข่มขืนยับ
สาวโร่แจ้งความหลังรอดตายมาได้ บังเอิญเจอหน้าอดีตสามีระหว่างทาง โดนอุ้มฉุดขึ้นห้อง จับใส่กุญแจมือ โกนผมเกลี้ยง ซ้ำยังข่มขืน 2 ครั้งซ้อน หวังอ้อนขอคืนดีกลับมาคบกันใหม่
เมื่อคืนวานนี้ (20 ก.ย.) น.ส.หนึ่ง (นามสมมุติ) อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมเพื่อนชาวต่างชาติ ได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.นิวัตน์ เพ็งแคน รองสว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา โดยระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ขณะที่ตนเดินอยู่บริเวณถนนวอล์กกิ้งสตรีท พัทยาใต้ ได้พบเจอกับอดีตสามีชาวอิหร่าน ที่เคยคบหากันราวๆ ปีเศษ ก่อนจะเลิกรากันไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ทันทีที่ได้เจอกัน อดีตสามีก็เข้ามาฉุดและบังคับขึ้นรถจักรยานยนต์ ก่อนจะพยายามพาตัวไปที่อื่น ระหว่างนั้นตนก็ร้องขอความช่วยเหลือ มีนักท่องเที่ยวคนที่เห็นเหตุการณ์พยายามเข้าไปช่วย แต่ถูกลูกน้องของอดีตสามี 2 คน เข้าไปห้ามไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะบอกว่าเป็นเรื่องของผัวเมีย อีกทั้งยังถูกลูกน้องของอดีตสามีทำร้ายร่างกาย จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย
โดยหลังจากนั้น อดีตสามีก็ได้พาตนมากักขังไว้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านหาดจอมเทียน หนำซ้ำยังจับใส่กุญแจมือ ใช้เทปปิดปาก และใช้มีดใช้กระบองพูดจาข่มขู่จะทำร้ายตลอดเวลา แล้วหลังจากนั้นก็จับตนเองโกนผมออกทั้งหมด ก่อนลงมือบังคับข่มขืนกระทำชำเรา สำเร็จความใคร่ถึง 2 ครั้ง แม้ตนพยายามขัดขืนต่อสู้ แต่ก็ทนแรงไม่ไหว
หลังจากนั้นอดีตสามีเริ่มใจเย็นลง ก่อนจะพูดจาเชิงข่มขู่บังคับให้ตนกลับมาคืนดีและอยู่กินกันที่คอนโดฯ พร้อมกับให้เซ็นสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 30,000 บาท เนื่องจากเกรงว่าตนจะหลบหนีไป ทำให้ตนออกอุบายทำทีเป็นยินยอมทำตาม ก่อนจะขออนุญาตไปเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ด้วย ทำให้อดีตสามีหลงเชื่อและยอมปล่อยตัวออกมา
เมื่อตนหลุดหนีออกมาได้ จึงรับนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปปรึกษาเพื่อนๆ ก่อนเดินทางเข้าแจ้งความ เพราะเกรงว่าจะถูกตามฉุดตัวไปอีก เนื่องจากอดีตสามีต่างชาติทำธุรกิจห้องพักคอนโดมิเนียมและรถเช่าในเมืองพัทยา ค่อนข้างมีอิทธิพล และมีลูกน้องติดสอยห้อยตามอยู่จำนวนหนึ่ง ทำให้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยในชีวิต
เบื้องต้น ร.ต.อ.นิวัตน์ เพ็งแคน รองสว.สอบสวน เจ้าของคดี ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย พร้อมทั้งรายงานผู้บังคับบัญชา และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา ลงพื้นที่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน