ทลายแก๊งค้าแรงงาน บังคับ19สาวลาวร้อยมาลัยจนมือเน่า
บุกทลายโรงงานเถื่อน บังคับต่างด้าวลาวร้อยพวงมาลัยจนมื่อเน่า แจ้งข้อหาผิดพ.ร.บ.ค้ามนุษย์ วอนประชาชนแจ้งเบาะแสแรงงานต่างด้าวเด็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ต.อ.มานัด ศรีวงษา ผกก.2 ศสส.สตม.พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผกก.2 และพ.ต.ต.ทวีป ช่างต่อ สว.ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 112/83 หมู่ 3 และ219/795 หมู่12 ถนนเพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ภายหลังสืบทราบว่า ภายในบ้านทั้งสองหลังมีการลักลอบใช้แรงงานเด็กต่างด้าว จากการตรวจค้นพบแรงงานต่างด้าวผู้หญิงสัญชาติลาว อายุระหว่าง 12-18 ปี จำนวน 19 คน ถูกบังคับให้นั่งร้อยพวงมาลัย โดยบริเวณนิ้วมือของทุกคนมีอาการเน่าเปื่อย ตรวจสอบพบว่า ทั้งหมดไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงควบคุมตัวนายเกษม เพ็ญสุข อายุ 48 ปี และนางธวัลรัตน์ สุขประเสริฐงาม อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน ดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ ใช้แรงงานเด็ก และรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
พ.ต.อ.มานัด กล่าวว่า สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม.และพล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม.รับผิดชอบงานสืบสวนปราบปราม มีนโยบายให้ความสำคัญในเรื่องการค้ามนุษย์ จึงมีคำสั่งให้ กก.2 ศสส.สตม. เร่งรัดและปราบปรามการค้ามนุษย์ กระทั่งสืบทราบว่าบ้านทั้งสองหลัง นำเด็กสาวชาวลาวมากักขัง และบังคับให้ร้อยพวงมาลัยตั้งแต่ 05.00-20.00 น.จนนิ้วมือเน่าเปื่อย โดยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างหรือจ่ายเพียงเล็กน้อย ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้น กระทั่งทำการช่วยเหลือเด็กสาวชาวลาวได้ทั้งหมด
"ที่ผ่านมา กก.2 ศสส.สตม.ได้ทำการกวดขันจับกุมขบวนการค้ามนุษย์มาตลอด โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดน ตั้งด่านสกัดกั้นขบวนการดังกล่าว โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 เมษายน - 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สามารถจับกุมคนไทยซึ่งเป็นผู้นำพาแรงงานเถื่อนได้ทั้งหมด 9 ราย พร้อมแรงงานต่างด้าวรวมทั้งสิ้น 478 คน นอกจากนี้ยังสามารถตรวจยึดรถกระบะได้อีก 13 คัน จึงฝากเตือนไปยังประชาชนที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะเด็ก อาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ ทั้งนี้หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับขบวนการค้ามนุษย์และขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว สามารถโทรศัพท์แจ้งมาได้ที่เบอร์ 1178 จากนั้นเจ้าหน้าที่จะลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" พ.ต.อ.มานัด กล่าว