รู้จัก "สยามเจมส์ เฮอริเทจ" ผู้อยู่เบื้องหลังมงกุฎทับทิมประดับเพชร มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018

รู้จัก "สยามเจมส์ เฮอริเทจ" ผู้อยู่เบื้องหลังมงกุฎทับทิมประดับเพชร มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018

รู้จัก "สยามเจมส์ เฮอริเทจ" ผู้อยู่เบื้องหลังมงกุฎทับทิมประดับเพชร มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มงกุฎทับทิมประดับเพชรบนเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ 2018 ที่ “นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์” ได้ไปครองนั้น เจิดจรัสสะกดทุกสายตาและยังคงงดงามตราตรึงใจใครต่อหลายคน ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบและสร้างสรรค์มงกุฎบนเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ในปีนี้ นั่นก็คือ “สยามเจมส์ เฮอริเทจ” นั่นเอง

หลายคนคงรู้จักหรือเคยได้ยินชื่อของ “สยามเจมส์ เฮอริเทจ” ในฐานะพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย ซึ่งอาจจะสงสัยว่ามาเกี่ยวข้องกับการรังสรรค์มงกุฎบนเวทีนางงามได้อย่างไร แต่หากได้ศึกษาความเป็นมาของสยามเจมส์ เฮอริเทจ จะเข้าใจได้ถึงเรื่องราวอันยาวนานของสยามเจมส์ เฮอริเทจ กว่า 56 ปีในแวดวงของอัญมณีไทย ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของไทย ผ่านงานหัตถศิลป์ชั้นสูงของช่างฝีมือไทยสู่สายตาชาวโลก ไม่ต่างกับเวทีของมิสไทยแลนด์เวิลด์ ที่มุ่งมั่นเฟ้นหาสาวงามผู้มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beauty with a Purpose” หรือ “งามอย่างมีคุณค่า” เป็นตัวแทนประเทศไทยเผยแพร่วัฒนธรรม ภาพลักษณ์ความเป็นไทยสู่การประกวดในเวทีสากลระดับโลก

จากร้านจำหน่ายจิวเวลรี่ สู่ผู้ให้ความรู้ด้านอัญมณี

จากก้าวแรกเมื่อปี พ.ศ. 2505 สยามเจมส์ เฮอริเทจ เริ่มต้นจากการเป็น Jewelry Retail หรือร้านจำหน่ายอัญมณี ที่สั่งสมประสบการณ์ด้านการทำเครื่องประดับสำหรับคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดดเด่นในด้านช่างฝีมือที่ผสมผสานความเป็นไทยอยู่ในชิ้นงานได้อย่างลงตัว และเติบโตจนกระทั่งก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 6 จึงได้นำองค์ความรู้ที่สั่งสมมายาวนานพัฒนาสู่การเป็น Travel Retail Destination นั่นก็คือ การสร้างพิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย ตั้งอยู่บนถนนประดิษฐ์มนูธรรม เพื่อสืบสานงานศิลป์มรดกทางวัฒนธรรมช่างไทย ให้ดำรงไว้ซึ่งศิลปะอันล้ำค่าสู่รุ่นลูก รุ่นหลาน ได้เรียนรู้และภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอัญมณีแก่ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม

สยามเจมส์ เฮอริเทจ พิพิธภัณฑ์อัญมณีไทย

ผู้ที่ได้มาเยี่ยมเยือน สยามเจมส์ เฮอริเทจ จะได้พบความยิ่งใหญ่ของประติมากรรมช้างทองคำ 2 พ่อลูก ที่ห่อหุ้มด้วยทองคำ 99.99% ช้างทรงเครื่องทองโบราณสมัยอยุธยาตอนต้น โดยมีพระพุทธรูปที่ประดิษฐานบนหลังช้าง คือ “พระพุทธมหาปารมีนุภาพพิสุทธิ์อนุตตรสังคามวิชัย” และโดมภาพยนตร์แบบ 360 องศาแห่งเดียวในเมืองไทย ซึ่งจัดแสดงภาพยนตร์เรื่อง “กำเนิดอัญมณี” พร้อมแสงสีเสียงสุดอลังการ ที่ได้รับการออกแบบจากทีมงานด้านเทคนิคจากเยอรมนี

จากนั้น จะได้ชมโซนนิทรรศการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงเครื่องประดับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคปัจจุบัน ที่จำลองมาให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด โซนจัดแสดงอัญมณีหายากที่รวบรวมมาจากทั่วทุกมุมโลก โซนให้ความรู้เรื่องนพเก้าอัญมณี 9 ชนิด ที่คนไทยเชื่อกันว่าได้ครอบครองแล้วจะเกิดสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่ ที่นำมาปรับดีไซน์ให้ทันสมัย โซนการทำเครื่องประดับ ที่เป็นนิทรรศการให้ความรู้อย่างกระชับเรื่องการออกแบบ การผลิต ไปจนถึงจัดแสดงอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการทำงาน และที่พลาดไม่ได้คือ ห้องจัดแสดงผลงานระดับมาสเตอร์พีซ “สยามเจมส์ เทียร่า” มงกุฎทับทิมสยามสีแดงขนาด 21.09 กะรัต ล้อมเพชรแท้ ที่ผนวกรวมงานศิลป์ชั้นสูงของไทย ควรค่าเป็นสมบัติแห่งแผ่นดิน

สู่การสร้างสรรค์มงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2018 สัญลักษณ์แห่งพระอาทิตย์ยามเช้า

จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยที่ สยามเจมส์ เฮอริเทจ ได้เข้ามาสนับสนุนมงกุฎมิสไทยแลนด์เวิลด์ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งผลงานมาสเตอร์พีซที่โดดเด่นและลงตัว โดยผ่านการรังสรรค์ด้วยระยะเวลาถึง 6 เดือนเต็ม ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “รัศมีของดวงอาทิตย์ในยามเช้า” เป็นการเริ่มต้นที่มีความหมายและสำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก โดยทับทิมสีแดงสดเม็ดเอกน้ำหนัก 2.03 กะรัต อยู่กึ่งกลาง เป็นเสมือนตัวแทนของดวงอาทิตย์ที่มีทั้งความงดงามและพลังอันยิ่งใหญ่ โดยมีความเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ รายล้อมด้วยทับทิมเม็ดบริวาร และเส้นสายของเพชรที่เสมือนรัศมีของดวงอาทิตย์ที่เปล่งแสงและความอบอุ่น โดยรอบสอดรับกับคอนเซ็ปต์ Beauty with a Purpose ความงามอันทรงคุณค่าของเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ได้เป็นอย่างดี

จากผลงานและความตั้งใจที่ผ่านมาเป็นเครื่องการันตีได้ว่า สยามเจมส์ เฮอริเทจ เพียบพร้อมที่จะอวดผลงานศิลป์อันทรงคุณค่าสู่สายตาชาวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook