โจรแสบหลอกว่ามี "เลขเด็ด" พายายถอนเงินซื้อหวย ก่อนเชิดเงินหนี ทิ้งยายไว้กลางป่า
เตือนภัยแก๊งต้มตุ๋น หลอกตบทรัพย์คนแก่ ชวนทำพิธีหาเลขเด็ด ออกอุบายให้หลงเชื่อ พร้อมพาไปเบิกเงิน 1 แสน เพื่อมาซื้อหวย ก่อนเชิดเงินหนีลอยนวล ทิ้งคุณยายไว้กลางป่า
26 ก.ย. 61 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 83 ม.13 บ.ลันแต้อุดมสุข ต.เทพรักษา อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของนางลอน วุฒิยา อายุ 67 ปี เจ้าของบ้าน
ที่เป็นผู้เสียหายที่ถูกแก๊งต้มตุ๋นหลอกตบทรัพย์ ได้เงินสดจำนวน 1 แสนบาท และหลบหนีไปอย่างลอยนวล โดยเหตุเกิดเมื่อวานนี้ (25 ก.ย.61) เวลาประมาณ 09.00 น. เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้น ขณะที่นางลอน วุฒิยา และนางอุดม เติมทอง อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน กำลังนั่งถางหญ้าอยู่ในเขตบริเวณบ้านหลังดังกล่าว
จากนั้นพบเห็นชายผิวขาว แต่งตัวดี และหน้าตาดี อายุประมาณ 40 กว่าปี ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อมาสด้าแคป รุ่นบีที 50 โปร สีบรอนซ์ ป้ายแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนมาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนทำจะทีเข้าไปถามหาหลานของนางลอน วุฒิยา ที่ชื่อ "วอย"
จากนั้นจึงทำทีไปนั่งคุยตีสนิทกับนางลอน พร้อมชวนคุยและถามหาว่ามีต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าหรือไม่ เพราะถ้าหากมีต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า จะสามารถนำอาจารย์ผู้ที่มีวิชาอาคม ที่สามารถทำเลขเด็ดเลขหวยได้ เพราะตนเองก็พึ่งถูกหวยมา จนได้รถยนต์ป้ายแดงที่ขับมา
จากนั้น นางลอนจึงหลงเชื่อ และคนร้ายได้ขอตัวออกไปประมาณ 20 นาที ก่อนจะกลับมาพร้อมกับชายอายุประมาณ 50 ปี สวมชุดขาวแบบพราหมณ์ ซึ่งอ้างว่าเป็นพระอาจารย์ที่สามารถทำพิธีเลขเด็ดได้
จากนั้น นางลอน วุฒิยา และนางอุดม เติมทอง ก็ได้ขึ้นรถยนต์ไปกับคนร้าย เพื่อพาคนร้ายทั้ง 2 คนเข้าไปทำพิธีที่สวนที่มีต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าดังกล่าวอยู่ ซึ่งต้องเดินเท้าเข้าอีกไปกว่า 1 กิโลเมตร
จากนั้นคนร้ายเห็นว่าที่สวนมีชาวบ้านทำการเกษตรกันเยอะ จึงหาจุดที่เปลี่ยวคนเพื่อทำพิธีใหม่ โดยมีการเตรียมทั้งดอกไม้ธูปเทียนต่างๆ รวมทั้งใบขนุนไปทำพิธีด้วย ระหว่างคนร้ายทำพิธีสวดมนต์และหยดเทียนลงไปบนใบขนุน ก็พบว่ามีตัวเลข 65 เป็นสีแดงบนใบขนุนให้เห็นอย่างชัดเจน
จึงทำให้นางลอน วุฒิยา ถึงกับหลงเชื่ออย่างสนิทใจว่าเป็นเลขเด็ด ที่เกิดจากความศักดิ์สิทธิ์จากการทำพิธีแน่นอน คนร้ายจึงทำทีพูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานา พร้อมกับถามนางลอน วุฒิยา ว่ามีหนี้เท่าไหร่ และต้องใช้เงินถึง 1 แสนในการใช้ซื้อหวย เพื่อจะได้มีเงินพอที่จะมาใช้หนี้สินได้
ก่อนที่คนร้าย จะพานางลอน วุฒิยา ไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาสังขะ หลังจากเบิกเงินเสร็จ คนร้ายได้ออกอุบายให้นำเงินกลับไปทำพิธีที่ป่าจุดเดิม และให้นำเงิน 1 แสนเก็บไว้ในรถ โดยให้คนร้ายอีกคนเฝ้าอยู่ในรถ
ก่อนที่อาจารย์ผู้ทำพิธี จะพาทั้ง 2 คนไป ทำพิธีจุดเดิม เมื่อไปถึงจุดเดิมที่ทำพิธี คนร้ายก็ทำทีจุดธูป และออกอุบายว่าจะเดินหาดอกไม้เพื่อทำพิธี เมื่อคนร้ายถอยห่างทำทีเดินหาดอกไม้ได้สักระยะ จึงถือโอกาสวิ่งอ้อมไปขึ้นรถที่คนร้ายอีกคนจอดรออยู่และรีบขับหลบหนีไป
ก่อนที่นางลอน วุฒิยา และนางอุดม เติมสุข จะทราบว่าตนเองโดนหลอกเสียแล้ว ก่อนจะเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.สุร์พศ ผมทอง ร้อยเวร สภ.ดม ต.เทพรักษา อ.สังขะ เพื่อให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี
ซึ่งจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่ พบเพียงรถยนต์ของคนร้าย โดยหมายเลขทะเบียนป้ายแดงไม่ชัดเจน ขับหลบหนีไปทาง อ.สังขะ แต่ยังไม่พบภาพหน้าตารูปพรรณสัณฐานของคนร้ายแต่อย่างใด
จนท. ตำรวจจะได้เร่งสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบภาพวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถยนต์หลบหนี จากพื้นที่อื่นๆ เพื่อหารูปพรรณสัณฐานคนร้าย เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยคนร้ายจะเลือกบ้านที่มีคนแก่หรือผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพังเท่านั้นในการก่อเหตุ เพราะสามารถพูดจาหว่านล้อมจูงใจให้เชื่อได้ง่าย รวมทั้งความเชื่อความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ผู้สูงอายุหลายคนมีความเชื่อนั้นๆ อยู่แล้ว
พ.ต.อ.เกรียงปกรณ์ อธิปฏิเวชช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดม ฝากเตือนภัยสำหรับพี่น้องประชาชนทั่วไปว่า ทุกวันนี้สังคมที่เราเป็นอยู่ทุกวันมีทั้งคนดีและคนไม่ดี การที่เราจะหลงเชื่อใครง่ายๆ ต้องมีสติรู้เท่าทัน แล้วเข้าใจบริบทความคิดตัวเราเองและคนที่เขามาหาว่าเขามาถูกหรือว่ามีเล่ห์เหลี่ยม
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกท่านว่าจะคบใคร หรือใครจะเข้ามาหา ต้องมีสติรู้เท่าทันแล้วจะไม่หลงเป็นเหยื่อให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ ซึ่งมาในหลากหลายรูปแบบ ก็ขอเตือนและฝากประชาสัมพันธ์ให้ระวัง
สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายที่มาก่อเหตุ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรดม กล่าวว่า มีชายแปลกหน้า 2 คน อาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายอยู่บ้านตามลำพัง และด้วยอายุของผู้เสียหายก็เป็นผู้สูงอายุ ก็ไม่ได้คิดว่าจะคนแปลกหน้าที่เข้ามาจะมาไม่ทำไม่ดีไม่ร้าย
แล้วก็แต่งชุดขาวเหมือนคนถือศีล ก็ทำให้หลงเชื่อ โดยมาทำพิธีในบาตรน้ำมนต์จุดเทียนให้เห็นเป็นตัวเลข จุดนี้จึงทำให้เหยื่อหลงเชื่อและอยากได้ เพื่อนำไปเสี่ยงโชค จึงได้ไปถอนเงินที่ธนาคารไปให้เหล่ามิจฉาชีพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยังแปลกใจว่า ทำไมจึงหลงเชื่อได้ง่ายผิดปกตินัก
ซึ่งไม่เหมือนกับกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งตกทอง ซึ่งจะมีตัวทองให้เหยื่อได้เห็นและเกิดความอยากได้ พร้อมที่จะสละทองสละเงินเพื่อแลกกับทองปลอม แต่เคสที่เกิดขึ้นที่พื้นของ สภ.ดม เป็นเคสที่แปลก ซึ่งเหยื่อหลงเชื่อในการทำพิธีบาตรน้ำมนต์ แล้วไปกับกลุ่มมิจฉาชีพไปเบิกเงินที่ธนาคารออกมา แล้วมอบให้เขาไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เป็นภัยที่อยากจะฝากเตือนให้ระมัดระวัง
ตอนนี้ก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูกล้องวงจรปิด ก็เห็นแต่เพียงรูปของยานพาหนะ ก็จะต้องสืบต่อไปว่ายานพาหนะนั้นมีป้ายทะเบียนอะไร ซึ่งเท่าที่ทราบคนร้ายใช้ทะเบียนป้ายแดง และยังไม่เข้าในสารระบบของขนส่ง
แต่เราจะตามต่อในส่วนของตัวลักษณะรถ ตัวรถและสีของรถ และจะประสานไปยังขนส่งเพื่อตรวจสอบรถลักษณะดังกล่าว รวมไปถึงลักษณะรูปพรรณของผู้ก่อเหตุ เพื่อจะได้ทำการสอบสวนในวงกว้างกับพื้นที่ใกล้เคียงอีกครั้งต่อไป