สลดใจ! ลุงเอาค้อนปอนด์ทุบหลานแท้ๆ วัย 5 ขวบ ตายในอ้อมกอดแม่

เกิดเหตุลุงโหดใช้ค้อนปอนด์ฆ่าหลานชายวัย 5 ขวบเสียชีวิตคาที่ พบป่วยซึมเศร้า ติดยาบ้า หลังจากถูกภรรยาทิ้งไป

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หลังเกิดเหตุลุงใช้ค้อนปอนด์ทุบหลานชายวัย 5 ขวบเสียชีวิตคาที่ โดยบรรยากาศโดยทั่วไปญาติและคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้จัดงานศพแบบเรียบง่าย ท่ามกลางบรรยากาศที่หดหู่ และเศร้าโศกเสียใจอย่างมากเนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงทำใจไม่ได้

จากการสอบถาม นางละมุล อายุ 55 ปี กล่าวว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุสะเทือนขวัญคือ นายกอบกู้ หรือ โหน่ง อายุ 32 ปี ผู้เป็นลูกชาย และผู้ตายคือ ด.ช.รัชตะ อายุ 5 ขวบ หรือ น้องเปา หลานแท้ๆ ของผู้ที่ก่อเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. เมื่อวานที่ผ่านมา (26 ก.ย.) โดยก่อนเกิดเหตุ น้องเปาได้นั่งดูทีวีอยู่ภายในบ้านต่อมาแม่ของน้องเปาเลิกจากงานก็เดินทางกลับมาหาลูก และพากลับบ้านของตัวเองที่อยู่ติดกัน ขณะนั้นนายโหน่งได้นั่งอยู่ที่เปลหน้าบ้านพอทั้งคู่ออกมา นายโหน่งหยิบค้อนปอนด์ทุบเข้าไปตามศีรษะและลำตัวของทั้งคู่ จนน้องเปาเสียชีวิตคาที่ภายในอ้อมกอดของแม่ ส่วนแม่ของน้องเปาถูกทุบจนสลบและมีบาดแผลฉกรรจ์ตามตัว ญาติๆ ต่างพากันเข้าช่วยเหลือก็ถูกทำร้าย ก่อนที่นายโหน่งจะวิ่งถือค้อนปอนด์ และหยิบมีดปลายแหลมขึ้นไปหลบอยู่บนบ้าน ตนเองจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาจับกุมตัวไปดำเนินคดี

นางละมุล กล่าวต่ออีกว่า สำหรับนายโหน่งเคยเสพยาบ้าและมีอาการหลอน จนภรรยาทิ้งไป จากนั้นได้กลายเป็นคนซึมเศร้า เข้ารับการรักษาตัวที่รพ.จิตเวชขอนแก่นมาประมาณ 1 ปี แต่พอยาหมดก็ไม่ยอมไปพบแพทย์ โดยบอกทุกคนว่าหายแล้ว ทั้งนี้สาเหตุคาดว่านายโหน่งคงคิดถึงภรรยาและลูกที่รุ่นราวคราวเดียวกับน้องเปา จึงเฝ้ามองสองแม่ลูก จนเกิดความเครียด ทำร้ายสองแม่ลูก

ขณะที่ พ.ต.ท.เพิ่ม นาคำ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนายโหน่ง ในสภาพเนื้อตัวมีคราบเลือด โดยพบค้อนของกลางและมีดปลายแหลมอยู่กับตัว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาทำการสอบสวน สภ.มัญจาคีรี แต่ยังคงให้การวกวน แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุต่างให้การตรงกันว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ป่วยจิตเวช ขาดยามานาน ไม่หลับไม่นอน แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ซึ่งจะต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยที่ในเบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย และจะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป