คนกรุงเตรียมใจ "ฝันร้ายวันจันทร์" ดีเดย์ 1 ต.ค. รถตู้เก่า 1,800 คันหายไป
วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม กลายเป็นเช้าที่อาจจะเป็นฝันร้ายของคนทำงานเมืองกรุง เพราะเป็นวันดีเดย์ตามมติของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งไม่อนุมัติการขยายอายุใช้งานของรถตู้โดยสาร จำนวนกว่า 1,800 คัน เนื่องจากมีอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปี ตามข้อกำหนดความปลอดภัย
ทำให้รถตู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 1,800 คัน ที่วิ่งบริการประจำทางต้องหยุดวิ่ง หากตรวจพบและฝ่าฝืนถือว่าเป็นรถตู้ผิดกฎหมาย มีโทษปรับตั้งแต่ 50,000 ถึง 200,000 บาท โดยคาดว่าปริมาณรถตู้โดยสารที่ต้องหยุดวิ่งจะส่งกระทบต่อผู้โดยสารในเส้นทางระยะไกลเข้าสู่ตัวเมือง เช่น รังสิต หรือ มีนบุรี ที่อาจจะมีรถไม่เพียงพอให้บริการ
นอกจากนี้ จำนวนที่รถตู้ที่ต้องหยุดให้บริการกว่า 1,800 คัน จะส่งผลกระทบให้คนขับรถมากกว่า 2,000 คน ต้องเสียงาน และผู้ประกอบการต้องหาอาชีพอื่นทดแทน เนื่องจากส่วนหนึ่งไม่กล้าลงทุนซื้อรถคันใหม่มาให้บริการ เพราะยังประเมินผลกระทบจากโครงการรถไฟฟ้าที่จะก่อสร้างเสร็จหลายโครงการในระยะอันใกล้นี้ไม่ได้
ทั้งนี้ จากมติหยุดวิ่งของรถตู้กว่า 1,800 คันทั่วกรุงเทพฯ ทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. เตรียมความพร้อมจัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการทดแทนเส้นทางหลักใน 6 เส้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่เคยใช้บริการรถตู้โดยสารสาธารณะ ได้แก่
เส้นทางที่ 1 มีนบุรี – จตุจักร จัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการ จำนวน 10 คัน
เส้นทางที่ 2 มีนบุรี – ปากเกร็ด จัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการ จำนวน 10 คัน
เส้นทางที่ 3 มีนบุรี – ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการ จำนวน 10 คัน
เส้นทางที่ 4 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – ห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการ จำนวน 20 คัน
เส้นทางที่ 5 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) จัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการ จำนวน 10 คัน
เส้นทางที่ 6 อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ – หมู่บ้านเมืองทองธานี (ทางด่วน) จัดรถโดยสารปรับอากาศวิ่งให้บริการ จำนวน 5 คัน
สำหรับมาตรการห้ามนำรถตู้อายุเกิน 10 ปี มาวิ่งให้บริการได้รับการขยายเวลามาแล้วครบ 1 ปี จากเดิมกำหนดให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 แม้ว่ากลุ่มรถตู้ร่วมให้บริการ ขสมก. ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอขยายอายุรถตู้จาก 10 ปี เป็น 15 ปี จนถึงปี 2565 เพื่อรอดูผลกระทบจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ก็ตาม
ขณะเดียวกัน ทางกรมการขนส่งทางบก ก็พยายามหารือหาข้อสรุปในการกู้เงินลงทุนจากภาครัฐ หาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการรถตู้ถึง 2,000 ล้านบาท เพื่อหารถตู้คันใหม่มาทดแทนให้วิ่งบริการแทนรถตู้ที่สิ้นอายุขัยตามกฎหมาย
