เปิดใจ "โชเฟอร์ตุ๊กตุ๊ก" ดราม่าด่าล้อมแกร็บคาร์ พบประวัติโดนจับเพราะกร่าง
จากกรณีคลิปภาพที่โพสต์แชร์โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติ การปะทะกันระหว่าง "แกร็บคาร์" และ "รถแดง-รถตุ๊กตุ๊ก" บริเวณสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 3 (อาเขต) ทั้งพูดจาข่มขู่และพยายามจะทำร้ายร่างกายคนขับแกร็บคาร์ กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก
ล่าสุด ทางขนส่งจังหวัดเชียงใหม่และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้เรียกกลุ่มคนที่อยู่ในภาพ ขณะทำการปิดล้อมถ่ายภาพ-ข่มขู่แกร็บคาร์ พร้อมกับนักท่องเที่ยว เพื่อดำเนินการสอบสวน และดำเนินคดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งแกร็บคาร์ฐานขับขี่รถผิดกฏหมาย และกลุ่มคนที่ล้อมรถแกร็บคาร์ โดยเฉพาะ นายรุ่งรุจ อายุ 37 ปี คนขับรถตุ๊กตุ๊กที่สวมเสื้อสีน้ำตาลพิมพ์คำว่า Welcome to Chiang Mai เข้ามาให้ปากคำ
นายรุ่งรุจ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวเป็นคนในคลิปภาพที่เผยแพร่จริง โดยอ้างว่าเกิดจากความคับแค้นใจที่ถูกแย่งอาชีพ ถูกแย่งผู้โดยสาร ทั้งๆ ที่ทำตามกฏหมาย แม้จะร้องเรียนไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาใดๆ ทางกลุ่มผู้ได้รับความเสียหายจึงต้องดูแลกันเอง
โดยในวันเกิดเหตุก็พยายามเจรจาและพูดคุยอย่างความสุภาพให้คนขับแกร็บคาร์แล้ว แต่อีกฝ่านไม่ยอมลงจากรถ จึงพูดไปด้วยภาษาเมือง อย่างที่เห็นในคลิป ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวถามว่าจากกระแสวิพากษ์วิจารย์เรื่องที่เกิดขึ้นในเชิงลบนั้น ตนคิดเป็นว่าเป็นสิ่งดีที่จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ลงมาแก้ปัญหาโดยเร็ว
>> เปิดพิกัดในคลิป "แกร็บคาร์" ปะทะเดือด "รถแดง-รถตุ๊กตุ๊ก" เมืองเชียงใหม่
ขณะที่เรื่องภาพลักษณ์ที่กระทบกับนักท่องเที่ยวและการท่องเที่ยวก็เสียใจที่เกิดเรื่องเช่นนี้ แต่ก็เคยประนีประนอมมาแล้ว ทั้งๆ ที่ยื่นหนังสือร้องเรียนทุกทางแล้วแต่เหมือนไม่ได้รับความช่วยเหลือ แต่ได้รับผลกระทบถึงรายได้ ตนจึงไม่มีทางออกพร้อมกับขอโทษที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองท่องเที่ยว แต่ยืนยันว่าตนไม่มีทางออกจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรณีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของการสอบปากคำและเตรียมดำเนินคดีทั้ง 2 ฝ่าย แต่ปรากฏว่า มีข้อมูลเกี่ยวกับ นายรุ่งรุจ พบประวัติเคยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันคือพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรง ถูกจับในข้อหาดูหมิ่นซึ่งหน้า และไม่มีในอนุญาตขับรถสาธารณะ 3 ล้อเครื่อง ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่
และจนถึงตอนนี้ แม้จะกลับมาขับรถรับจ้างอีก แต่ยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถสาธารณะ อีกทั้งมีรายงานจากข้อมูลทางฝั่งของทหารว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเรื่องพฤติกรรมของนายรุ่งรุจบ่อยครั้ง ทำให้ทหารต้องส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและคอยตักเตือนหลายครั้งเช่นกัน