เตรียมจับ "นายกเทศบาลฯ ดงลิง" หลังเชิดเงินกองทุนชาวบ้าน สูญเงินกว่า 5.5 ล้านบาท

เตรียมจับ "นายกเทศบาลฯ ดงลิง" หลังเชิดเงินกองทุนชาวบ้าน สูญเงินกว่า 5.5 ล้านบาท

เตรียมจับ "นายกเทศบาลฯ ดงลิง" หลังเชิดเงินกองทุนชาวบ้าน สูญเงินกว่า 5.5 ล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจสภ.กมลาไสย ออกหมายจับนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังเชิดเงินกองทุนและหลอกตุ๋นชาวบ้านกู้เงินธนาคาร ขณะที่คณะกรรมการกองทุนแฉนายกประยูรมีวาทศิลป์ จนคนหลังเชื่อให้บริหารจัดการเงินคนเดียวก่อนยักยอกเงินเผ่นหนี เบื้องต้นสูญ 5.5 ล้านบาท

3 ต.ค. 2561 จากกรณีชาวบ้านเมย หมู่ที่ 5 และหมูที่ 11 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และตัวแทนคณะกรรมการกองทุนต่างๆ ใน ต.ดงลิง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.กมลาไสย

เพื่อดำเนินคดีกับนายประยูร เห็มวิพัฒน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ และเข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม โดยชาวบ้านและเป็นสมาชิกระบุว่า นายประยูร ได้ยักยอกเงินกู้ของกองทุนต่างๆ ของหมู่บ้าน

และหลอกให้ชาวบ้านกู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขาท่าคันโท และธนาคารออมสิน สาขากมลาไสย เพื่อนำไปปล่อยเงินกู้ แล้วรับปากว่าจะเป็นผู้ใช้หนี้กับธนาคาร

แต่กลับไม่ยอมใช้หนี้และนำเงินหนีหายไป จนทำให้ชาวบ้านหลายรายถูกธนาคารฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เบื้องต้นรวมมูลค่ากว่า 5.5 ล้านบาทตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2561 พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวล่าสุดมีผู้เสียหายที่เดือดร้อนเข้าแจ้งความรวมทั้งหมด 126 คน ซึ่งต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 ผู้เสียหายจะเป็นกองทุนและกลุ่มต่างๆ

ประกอบด้วย กองทุนออมทรัพย์เพื่อการเกษตร กลุ่มโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ กองทุนเงินล้านหรือกองทุนหมู่บ้าน กองทุนสวัสดิการสงเคราะห์สมาชิกครอบครัว และกองทุนนันทนาการหมู่บ้าน

โดยในส่วนนี้สมาชิกกองทุนและชาวบ้านได้มอบหมายให้คณะกรรมการของกองทุนต่างๆ กองทุนละ 4 คน รวม 20 คน เข้าแจ้งความดำเนินคดี และให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

สำหรับในส่วนที่ 2 คือผู้เสียหายจะเป็นประชาชนรายบุคคล คือ ถูกนายประยูร หลอกให้กู้เงินจากออมสิน สาขาท่าคันโท เฉลี่ยรายละ 20,000-200,000 บาท จำนวน 31 ราย และกู้เงินจากธนาคารออมสิน สาขากมลาไสย เฉลี่ยรายละประมาณ 10,000 – 100,000 บาท จำนวน 10 ราย

โดยทุกรายจะหักเงินจากยอดเงินกู้ เพื่อให้ค่าแรงในการเซ็นเอกสารการกู้เงินกับธนาคารรายละประมาณ 1,000 – 15,000 บาท ส่วนเงินกู้ที่เหลืออ้างว่าจะนำไปลงทุนทำปุ๋ยและปล่อยเงินกู้ พร้อมทั้งรับปากว่าจะเป็นผู้ใช้หนี้กับธนาคารเอง

แต่เมื่อถึงเวลากลับไม่ชำระเงินตามที่ตกลงกันไว้ จนทำให้ชาวบ้านถูกธนาคารส่งหนังสือทวงหนี้และดำเนินการฟ้องเรียกค่าเสียหายไปแล้วหลายราย

พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าของคดีล่าสุดขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด 32 ปาก พร้อมทั้งรวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารต่างๆ เพื่อขออนุมัติหมายจับนายประยูร เห็มวิพัฒน์ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน

ซึ่งศาลก็ได้อนุมัติหมายจับตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เลขที่ จ 354/2561 แล้ว เบื้องต้นคาดว่านายประยูร ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เพราะทราบว่าได้หายตัวไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ชุดสืบสวนก็ยังลงพื้นที่หาข่าวและเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดี

ด้านนายอำพร คชรมย์ หนึ่งในคณะกรรมการกองทุนเงินล้านบ้านเมย หมู่ที่ 11 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเหรัญญิก และคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวคณะกรรมการกองทุนและชาวบ้านเพิ่งเริ่มทราบเรื่องช่วงก่อนเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เนื่องจากกองทุนและกลุ่มต่างๆ รวมทั้งชาวบ้านได้รับหนังสือทวงหนี้จากธนาคาร อีกทั้งบางรายก็ได้ถูกธนาคารฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ประกอบกับนายประยูร หายตัวไปไม่สามารถติดต่อได้ คณะกรรมการจึงช่วยกันเช็กข้อมูลเอกสารและสอบถามสมาชิก

ซึ่งก็พบว่าเงินในส่วนต่างๆ หายไป ซึ่งยืนยันว่านายประยูรเป็นผู้เอาไป เนื่องจากคณะกรรมการกองทุนต่างๆ นั้นมีหน้าที่ดูแลเพียงเรื่องเอกสาร ส่วนที่เป็นตัวเงินที่กู้จากธนาคาร หรือเก็บจากสมาชิก นายประยูรจะเป็นผู้จัดการคนเดียว

นายอำพร กล่าวต่อว่า สำหรับเงินที่นายประยูรที่ยักยอกจากกองทุนเงินล้านบ้านเมย ม.11 นั้น เป็นเงินประกันความเสี่ยง เงินสมทบกองทุนของสมาชิก หุ้นสมาชิก เงินออม เงินบัญชี 3 ที่นายประยูรได้นำไปคนเดียว โดยไม่ปล่อยกู้และไม่แจ้งกรรมการ

และเงินที่สมาชิกคืนเงินต้นทุกปีรวมยอด 3,217,868 บาท นอกจากนี้ยังมีเงินของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต หมู่ที่ 11 และหมู่ที่ 5 จำนวน 1,815,844 บาท

เงินกลุ่มโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ 275,117 บาท กองทุนนันทนาการหมู่บ้าน 86,942 บาท และเงินกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์สมาชิกครอบครัว 77,900 บาท รวมทั้งหมด 5,533,671 บาท

นายอำพร กล่าวอีกว่า สาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวของนายประยูร เพราะเคยร่วมกันทำงานมานานหลายปี อีกทั้งนายประยูรยังเป็นคนที่วาทศิลป์ในการพูดทำให้คณะกรรมการและชาวบ้านเชื่อใจ

จึงให้เป็นคนจัดการเรื่องเงินคนเดียว และชาวบ้านหลายคนยอมกู้เงินจากธนาคารมาให้ แต่ไม่คิดว่านายประยูรจะทำแบบนี้กับกองทุน และชาวบ้านได้ โดยขณะนี้เบื้องต้นทางธนาคารได้ทวงถามหนี้ของกองทุนเงินล้านบ้านเมย ม.11 ที่นายประยูรยักยอกไปประมาณ 3,000,000 บาทเศษ

รวมทั้งดอกเบี้ยอีกประมาณ 90,000 บาท ซึ่งทำให้คณะกรรมการเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะตามกฎหมายคณะกรรมการที่เป็นผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจึงต้องขอความช่วยเหลือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเข้าแจ้งความเพื่อติดตามตัวนายประยูรมาดำเนินคดีและรับผิดชอบที่ยักยอกเงินไป

ขณะที่นายสนั่น พงษ์อักษร รองผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเบื้องต้นทางนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ได้มอบหมายให้ตนลงพื้นที่ติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

โดยเบื้องต้นได้ให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดจัดหาทนายความ เพื่อต่อสู้คดีกับประชาชน และจะมีกองทุนยุติธรรมที่จะต้องนำมาช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน

ในส่วนของคดีก็ต้องว่ากันไปตามขบวนการของกฎหมาย นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันหาแนวทางแก้ไข้เพื่อหารือกับทางธนาคารเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้กับกองทุนต่างๆ และประชาชนที่เดือดร้อน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook