หนุ่มเมาปลิ้น ซิ่งกระบะชนบ้านเรือนประชาชนพังยับ-เจ้าของบ้านหวิดดับ

( 10 ต.ค. 61 )  ร.ต.ท.เจริญพร  รินทะระ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม  พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ กรณีเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะ  ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นพีรันเนอร์ 4 ประตู สีเทา ทะเบียน กข 2189 บึงกาฬ พุ่งชนบ้านหลังหนึ่ง ถนนสุนทรวิจิตร  บริเวณสามแยกหอนาฬิกา ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม 

เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.12 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา ( 10 ต.ค. )   ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเรือน แบบห้องแถวโบราณชั้นเดียว อายุเก่าแก่ประมาณ 100 ปี ก่อสร้างในยุคที่ได้รับอิทธิพลของฝรั่งเศส  ซึ่งได้รับความเสียหาย ผังบ้านที่ก่อด้วยอิฐ รวมถึงคานบ้านบางจุดแตกร้าว 

ทราบชื่อเจ้าของบ้านภายหลังคือ  นางวันเพ็ญ  วัย 67 ปี  ส่วนรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่ สภ.เมือง จ.นครพนม หลังเกิดเหตุ ทราบชื่อคนขับ คือ นายสุธิชัย  อายุ 23 ปี ชาว ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ  ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

เบื้องต้นจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ หลังมีการตรวจสอบที่เกิดเหตุ รวมถึงมีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน ที่อยู่ใกล้เคียง พบหลักฐาน รถยนต์คันดังกล่าว ได้วิ่งมาด้วยความเร็วสูงจากตัวเมือง มุ่งหน้ามาตามถนนเฟื่องนคร ถึงจุดเกิดเหตุบริเวณ สามแยกหอนาฬิกาติดกับถนนสุนทรวิจิตร เลียบแม่น้ำโขง

แต่รถยนต์คันดังกล่าวไม่ได้มีการเบรกชะลอความเร็ว ส่งผลให้พุ่งชนเข้าบ้านผู้เสียหายอย่างแรง เป็นเหตุให้บ้านเรือน และสิ่งของในบ้านได้รับความเสียหาย คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท   โชคดีเจ้าของบ้าน ที่นอนพักในบ้าน และลูกอีก 3 คน  ไม่ได้รับอันตราย เนื่องจากรถพุ่งเข้าไปไม่ถึงจุดห้องนอน สร้างความหวาดผวา ให้กับเจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก 

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จึงได้มีการควบคุมตัวคนขับ คือ นายสุธิชัย  ไปสอบสวน และตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบมีปริมาณเกินกฎหมายกำหนด เป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุจากอาการเมาสุรา  บวกกับไม่ชำนาญในเส้นทาง เพราะเป็นคนต่างจังหวัด  หลังไปเที่ยวดื่มเหล้าเมาทำให้ขาดสติในการขับรถ  โดยได้มีการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย

ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ได้ฝากแจ้งเตือนประชาชน ผู้ใช้รถใช้ถนน ให้ระมัดระวัง ไม่ควรขับรถความเร็วเกินกฎหมายกำหนด  เมาห้ามขับ เพราะเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินตามมา  นอกจากนี้จะต้องถูกดำเนินคดี อาจถึงขั้นติดคุก