พยาบาลเปิดใจโดนโชเฟอร์รถตู้ตบหน้าชา ตร.รู้ว่าเป็นใคร แต่ยังไร้วี่แววติดต่อ

พยาบาลสาวเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม หลังโดนโชเฟอร์รถตู้ลงมาตบหน้าชา ยอมรับมีการคุยโทรศัพท์และถามเส้นทางคนขับเรื่อยๆ เพราะต้องต่อรถไปอีกจังหวัด ล่าสุดตำรวจรู้แล้วว่าเป็นใคร แต่ยังติดต่อไม่ได้

จากกรณีที่โลกโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เมื่อนางพยาบาลสาวโพสต์คลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หลังจากโดยสารรถตู้สายกรุงเทพฯ-ลพบุรี เมื่อลงจากรถที่ป้ายหน้าห้างชื่อดัง ย่านรังสิต แต่ปรากฏว่าโชเฟอร์รถตู้ลงมาตบฉาดเข้าที่ใบหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ กล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุบันทึกภาพเอาไว้ได้ ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อคืนวานนี้ (12 ต.ค.) นางสาวนัทธมน อายุ 38 ปี พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร ได้เข้าพบ ร.ต.ท.รุจจิโรจน์ กิตติกนกกาญจน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม

นางสาวนัทธมน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนขึ้นรถตู้สาธารณะมาจาก อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อมาลงที่ย่านรังสิต เพื่อจะต่อรถสาธารณะไปทำงานต่อที่ จ.สมุทรสาคร โดยตลอดเส้นทางตนได้คุยโทรศัพท์กับเพื่อนและไม่ได้มีเรื่องหรือนินทาผู้ขับขี่แต่อย่างใด เพียงแค่ถามเส้นทางเพื่อที่ตนจะเดินทางไปต่อ

>> พยาบาลสาวสุดงง! ลงจากรถตู้เจอโชเฟอร์เดินตามมาตบหน้า (มีคลิป)

กระทั่งเวลา 16.42 น. ขณะที่ตนเองลงจากรถตู้ไป คนขับก็ลงจากรถตามมา ก่อนที่จะปรี่เข้ามาตบใบหน้าตน 1 ครั้ง ทำให้รู้สึกหน้าชา ก่อนที่พ่อค้าแม่ค้าในละแวกใกล้เคียงได้แนะนำให้ตนเองเดินทางมาแจ้งความไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์เอาไว้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ตนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดกับเทศบาลนครรังสิตเพื่อตรวจสอบทะเบียนรถตู้โดยสาร

พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดเชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งร้องทุกข์ไว้แล้วหลังเกิดเหตุ ในส่วนของการติดตามผู้ก่อเหตุนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทราบแล้วว่ารถคันทะเบียนอะไร จึงได้ประสานงานไปยังนายท่ารถที่ จ.ลพบุรี และทราบตัวผู้ขับขี่แล้ว

โดยมีการประสานงานติดต่อกลับมาว่าผู้ขับขี่รถตู้คันเกิดเหตุได้ลงมือก่อเหตุจริง และจะเข้าพบพนักงานสอบสวน แต่ปรากฏว่าตอนนี้ไม่สามารถติดต่อตัวผู้ขับขี่ได้ ส่วนการดำเนินการอาญาเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเต็มที่ ส่วนทางผู้เสียหายหากดำเนินคดีทางอาญาแล้วสามารถดำเนินคดีทางแพ่งได้อีกจึงคาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆ นี้