"ป๋าเต็ด ยุทธนา" กับนาทีชีวิต หัวใจวายเฉียบพลัน รีบพาตัวเองเข้าห้องผ่าตัด

"ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม" ทำเอาแฟนๆ รู้สึกใจหายไปตามกัน หลังมีกระแสข่าวถึงอาการป่วยกะทันหันของโรคหัวใจ เมื่ออยู่ๆ ต้องเข้าผ่าตัดฉุกเฉิน เพราะป่วยหัวใจวายเฉียบพลันแบบเกือบจะไม่ทันตั้งใจ โดยเจ้าตัวได้โพสต์เล่าประสบการณ์ชีวิตความเป็นความตายในครั้งนี้ผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่มีผู้คนจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจ

ป๋าเต็ดได้แชร์เรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า หลังจากอาบน้ำแต่งตัวตอนเช้า ลงมาชงกาแฟกินตามปกติ แต่รู้สึกว่าวันนั้นผิดปกติตั้งแต่เดินลงมาชั้นล่างของบ้าน มีอาการแน่นหน้าอก เหงื่อซึมที่แขน แต่ยังเดินไปต่อถึงครัวได้ ก่อนจะเริ่มหน้ามืด มีอาการบ้านหมุน เจ็บหน้าอกมากขึ้น จึงรีบเดินออกไปนั่งหน้าบ้าน รับอากาศและสูดหายใจลึกๆ

แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น เจ็บหน้าอกเพิ่มมากกว่าเดิม คล้ายกับอาการจุก จึงคว้าโทรศัพท์หาเพื่อนที่เป็นหมอ พร้อมกับเล่าอาการให้ฟัง เพื่อนบอกให้รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน เพราะอาจจะมีอาการหัวใจเต้นไม่ปกติ เมื่อวางสายและตะโกนเรียกหาภรรยาให้พาไปหาหมอ อาการหนักขึ้น เหงื่อท่วม เดินเซไปขึ้นรถ หน้ามืดแทบมองไม่เห็น

"เมื่อโรงพยาบาล นั่งรถเข็นไปแผนกหัวใจ ขึ้นเตียงวัดคลื่นหัวใจ จากที่พยาบาลนั่งกันชิลๆเพราะเป็นวันหยุดยาว เคสเราทำให้บรรยากาศเปลี่ยน คนเข้ามาเต็มห้อง เครื่องมือเต็มตัว สายไฟโยงยาง ทุกสายตาจ้องจอ เมื่อค่าตัวเลขอะไรสักอย่างชี้ไปในทางเดียวกัน ห้องยิ่งวุ่นวายโหวกเหวก จองห้องผ่าตัด เรียกหมอมาเพิ่ม เอาเอกสารให้ภรรยาและผมเซ็น"

ป๋าเต็ดได้เล่าต่อว่า เตียงคนไข้ถูกเข็นไปเหมือนรถเมล์สาย 8 โผล่เข้ามาอยู่ในห้องผ่าตัด ระหว่างทางได้แต่มองเพดานเคลื่อนผ่านไปแบบงงๆ มีคนหน้าแปลกๆ โผล่มาพร้อมคำถามซ้ำๆ มีโรคประจำตัวอะไร ทานยาอะไร เลือดออกที่ไหน คล้ายกับหลุดเข้าไปในซีรีส์ห้องฉุกเฉินของฝรั่ง

"ถึงห้องผ่าตัด ดูอุปกรณ์ไม่เยอะเหมือนในหนัง ทุกคนวุ่นวาย ถามมากมายกว่าเดิม จนเราต้องถามกลับไปบ้างว่ากำลังจะทำอะไร จับใจความได้ว่า จะเจาะท่อสอดเข้าเส้นเลือดใหญ่ที่ต้นขาขวา พ่นสี ถ้าเห็นท่าไม่ดีจะบอลลูนเลย พยาบาลขอโกนขนที่ต้นขาขวาและซีกขวาของไอ้นั่น ตอบโอเคไปทั้งที่ยังสงสัยว่าไหนๆจะโกนแล้วไม่โกนทั้งสองซีกไปเลย จะเหลืออีกซีกไว้ให้มันเป็นลูกครึ่งอย่างนั้นอยู่ทำไม วุ่นวาย จอแจ ไม่มีช่องว่างให้ท้วงเรื่องซีกที่เหลืออยู่ ต้องปล่อยเลยตามเลย"

ทั้งนี้ ป๋าเต็ดยังเล่าถึงขั้นตอนการผ่านตัดทำบอลลูนหัวใจ รู้สึกเหมือนมีอะไรพยายามมุดเข้าไปในช่องเล็กๆ ที่แทบไม่เห็นระหว่างการผ่าตัด รู้สึกเจ็บและอึดอัด ภาพเหตุการณ์คือหมอคุยกันวุ่นวาย เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคต่างๆ แต่ไม่นานทุกอย่างก็คลี่คลาย เหลือเพียงขดลวดไว้ในหลอดเลือดของหัวใจ และย้ายมานอนที่ห้องไอซียู เริ่มหายเจ็บหน้าอก พักรักษาตัวอีก 2-3 คืนจึงกลับบ้านได้

อย่างไรก็ตาม ป๋าเต็ดได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตั้งแต่เริ่มต้นอาการเจ็บหน้าอกไปจนถึงการผ่านตัด ใช้เวลาเพียงแค่ 40 กว่านาที หมอยังบอกว่าโชคดีที่มาถึงเร็ว ถ้ามาช้ามาช้ากว่าอาจจะวิกฤต ความรู้สึกกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เหมือนคนเฉียดตาย แต่รู้สึกเป็นคนโชคดีมากกว่า