ล่องเรือ เข้าสวน ชวนแวะเก็บดอกบัวแบบชาวชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์

ล่องเรือ เข้าสวน ชวนแวะเก็บดอกบัวแบบชาวชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์

ล่องเรือ เข้าสวน ชวนแวะเก็บดอกบัวแบบชาวชุมชนริมคลองมหาสวัสดิ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในวันที่อยากพักสบายๆ แต่ไม่มีเวลามากนัก  และกำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แค่คลิกปลายนิ้วใน Social Media ก็มีตัวเลือกมากมายผุดขึ้นมาให้เลือก แต่ด้วยความที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นชนบทเล็ก ๆโดยไม่ต้องขับรถเหนื่อยมาก เลยมีมติเป็นเสียงเดียวกันว่า ล่องเรือเข้าสวนฟังเสียงต้นไม้บ้างก็น่าจะดี แถมอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง

บ้านศาลาดิน นครปฐม คือสถานที่ที่เราเลือกไปเที่ยวกัน พอได้มาเยือน จึงได้รู้ว่าชุมชนบ้านศาลาดิน เป็นหนึ่งในชุมชนเก่าแก่ ริมคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งเป็นคลองสายประวัติศาสตร์เส้นสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าให้ขุดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2400 เพื่อเชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน ให้ใช้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์

จากชุมชนที่พึ่งพาการทำนาข้าวเป็นอาชีพหลักในอดีต ทุกวันนี้ชาวชุมชนบ้านศาลาดิน กลายเป็นต้นแบบในการน้อมนำศาสตร์พระราชาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในการบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทำเกษตรแบบผสมผสาน นำวิถีชีวิตและความงามแห่งอัตลักษณ์มาพัฒนาเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรจนมีชื่อเสียง

ความเจ๋งของชาวชุมชนบ้านศาลาดินอยู่ตรงที่พวกเขาได้รวมตัวกัน โดยใช้เวลากว่า 20 ปี ฟื้นฟูคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยหมดความสำคัญจนกลายเป็นแหล่งทิ้งขยะและเต็มไปด้วยผักตบชวา ให้กลับคืนมาสวยงามมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เริ่มจากการนำเอาวิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมชุมชน มาสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรโดยใช้จุดเด่นความเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำตั้งแต่ครั้งโบราณมาเป็นจุดเชื่อมโยง

แน่นอนว่าไฮไลท์เด็ดของที่นี่ คือการล่องเรือไปเช็คอินจุดชมวิวซึ่งมีหลายจุดด้วยกัน โดยชาวบ้านได้รวมกันจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนล่องเรือชมสวนเรียบคลองมหาสวัสดิ์ ขึ้นมา มีการบริหารจัดการเรื่องท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสเสน่ห์ชุมชนตลอดสองฝั่งคลองในราคาเป็นกันเองมาก ๆ โดยเรือหนึ่งลำนั่งได้ 6 คน คิดราคาเช่าเหมาลำไป-กลับเพียง 350 บาทเท่านั้น ส่วนกิจกรรมขณะนั่งเรือแวะชมตามจุดต่าง ๆ มี 7 จุดด้วยกัน ได้แก่ 1.ไหว้พระสุวรรณนาราม  2.เยี่ยมบ้านฟักข้าว 3.ดูนาบัว 4.เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง  5.ชิมขนมจีนโบราณ  6.โรงเรียนชาวนา และ  7.เยี่ยมชมบ้านป้าแจ๋ว

มีจุดแวะเที่ยวได้หลายจุดขนาดนี้ โดนใจสายชิลล์อย่างเรามากเลย แต่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย แวะไหว้พระขอพรที่วัดสุวรรณนาราม ก่อนเลย หลังจากนั้นค่อยล่องเรือชิลล์ต่อ  ซึ่งแต่ละจุดที่แวะบางที่ต้องตาโตร้องว้าว
โดยเฉพาะจุดเช็คอินที่นาบัว วิวสวยจริง ๆ ค่ะ เพราะเป็นบึงบัวทั้งหมดบนเนื้อที่ 15 ไร่ มองไกลสุดลูกหูลูกตา มองไปทางไหนก็เห็นแต่บัว สวยชวนตะลึงจนต้องร้องว้าวออกมาดัง ๆ อีกรอบ

ล่องเรือเอื่อย ๆ ช้อนชมบัวสัตตบงกชสีชมพูที่ชูช่อบานสะพรั่งรอเก็บเกี่ยวก่อนรุ่งสาง หรือจะเก็บดอกบัวกลางบึงท่ามกลางฝูงปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายไปมา แล้วโชว์ฝีมือพับดอกบัวให้สวยงามเพื่อเตรียมถวายพระก็ยังชิลล์ไปอีก

ส่วนอีกจุดเช็คอินเน้นความอิ่มอร่อย คือ การไปชมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ ได้แก่ การทำข้าวตังจากข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอรี่ โดยให้นักท่องเที่ยวลงมือปรุงเอง ทอดเอง รับประทานได้ตามใจชอบ จากนั้นไปต่อที่จุดเช็คอินที่บ้านฟักข้าว ชมสวนฟักข้าว และเรียนรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากฟักข้าว เช่น สบู่ ยาสระผม ลิ้มชิมรสเมนูเด็ดจากฟักข้าว เช่น น้ำฟักข้าว คุกกี้ฟักข้าว หมี่กรอบฟักข้าว และน้ำซอสเย็นตาโฟฟักข้าว และที่เด็ดสุดคือเราจะได้ฟังการสลับขับกล่อมด้วยเสียงร้องเพลงแหล่บอกเล่าเรื่องราวของคลองมหาสวัสดิ์แบบสดๆ โดยศิลปินแห่งลุ่มน้ำมหาสวัสดิ์กันตรงนั้นเลย

กิจกรรมยังไม่จบแค่นี้ ถัดจากบ้านฟักข้าวก็ล่องเรือชิลล์ ๆ ไปชมสวนกล้วยไม้ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งปลูกกล้วยไม้ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ของดีของสวนแถบนี้คือพันธุ์กล้วยไม้สีม่วงสดที่ผิวกลีบดูคล้ายกำมะหยี่ ยามสะท้อนแสงสวยงามมาก รู้จักกันในชื่อ “พันธุ์ทัศนีย์” มีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย พอเซลฟี่เพลิน ๆกับกล้วยไม้สวย ๆกันแล้วมาจบการทัวร์ที่บ้านป้าแจ๋ว ผู้นำกลุ่มแม่บ้านและเกษตรกรบ้านศาลาดินที่บุกเบิกการทำเกษตรอินทรีย์ นำมาพัฒนาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปอร่อย ๆ เช่น กล้วยหอมทองกรอบ 7 รส มะม่วงกวน ขนมผิง ไปจนถึงเมนูซิกเนเจอร์ของที่นี่คือ “เมี่ยงคำบัวหลวง” ที่ใช้กลีบบัวหลวงห่อแทนใบชะพลู และอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นบ้านอีกหลากหลายเมนู

นี่เป็นเพียงบางส่วนของจุดเช็คอินที่เราต้องแวะเข้าไปชมกัน ซึ่งเหมือนจะจบแล้ว แต่ก็ยังไม่จบ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ที่ห้ามพลาดเลย คือการนั่งรถอีแต๋นพาชมสวน แบบเฟี้ยวฟ้าวตื่นเต้นสุด ๆ ด้วยค่าบริการเพียง 100 บาทต่อเที่ยว เราก็สามารถนั่งแจมกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ ได้มากถึง 10 คน เผื่อเป็นเพื่อนร่วมกรี๊ดไปด้วยกันระหว่างทางน่าสนุกดี นอกจากกิจกรรมล่องเรือชมธรรมชาติที่สามารถมาฟอกปอดผ่อนคลายกันได้ตลอดทั้งปีแล้ว ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 8.00 – 18.00 น. ยังมีตลาดน้ำคลองมหาสวัสดิ์ บ้านศาลาดิน หรือตลาดน้ำประชารัฐ ซึ่งจะเป็นแหล่งรวมสินค้าเกษตร สินค้าโอทอป ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากชุมชนบ้านศาลาดิน ของฝากของที่ระลึกและอาหารมากมายกว่า 70 ร้านให้มาเที่ยวเล่นและช้อปกันเป็นประจำอีกด้วย

ในวันนี้กิจกรรมท่องเที่ยวชุมชนเชิงเกษตรไม่เพียงกระจายรายได้ให้กับชุมชน หากยังสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่กลับสู่บ้านเกิด พัฒนาแบรนด์ผลิตภัณฑ์บ้านศาลาดินให้เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

รายละเอียดการเดินทาง: เดินทางง่าย ๆ เพียง 4 กิโลเมตรจากมหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา ก็เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์กับความสุขที่หาได้ในชุมชนบ้านศาลาดิน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครปฐม โทร. 03-434-0023 / สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพุทธมณฑล โทร. 02-441-0376 / กลุ่มการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ชุมชนคลองมหาสวัสดิ์ คุณวันชัย สวัสดิ์แดง โทร. 084-498-6340

“บ้านศาลาดิน” จ.นครปฐม เป็นส่วนหนึ่งของโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ถูกขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ “ไทยนิยม ยั่งยืน” จากการที่รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งสร้างรายได้และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกันภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง เพื่อสร้างรอยยิ้ม คืนความสุข เพื่อคนไทยทุกคน และหากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมแบบไทย ๆ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nawatwithi.com หรือ www.facebook.com/nawatwithi

(Advertorial)

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook