บุกจับ "โรงงานเถื่อน" แอบลอบรีไซเคิลเมล็ดพลาสติก จดทะเบียนผลิตอาหารสัตว์บังหน้า

นอภ.แปลงยาว บุกจับโรงงานเถื่อน แอบลอบรีไซเคิลเมล็ดพลาสติก ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้าน พบแจ้งจดทะเบียนขอเป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์บังหน้า ก่อนสั่งปิดชั่วคราวตาม พ.ร.บ.โรงงาน และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร จนกว่าจะทำการปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมาย

วันที่ 18 ต.ค. 61 เวลา 13.00 น. น.ส.สลารีวรรณ ทัพทวี นายอำเภอแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ได้นำกำลังพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายทหารชุดประสานงานและรักษาความสงบ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าตรวจสอบอาคารโรงงานไม่มีชื่อ ในเขตพื้นที่ ม.8 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว หลังจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า สถานที่แห่งนี้ลักลอบประกอบกิจการโรงงานและส่งผลกระทบมีกลิ่นเหม็นคล้ายการเผาไหม้พลาสติกออกไปรบกวนชาวบ้าน

หลังการเข้าตรวจสอบพบว่าโรงงานดังกล่าว มีลักษณะเป็นอาคารโกดังเก็บสินค้า มีหลังคาสูงโปร่งปิดคลุมด้านบน เนื้อที่ประมาณ 3,000 ตร.ม. และมีเครื่องจักรกำลังทำงานหลอมพลาสติกรีไซเคิล โดยมีแรงงานจำนวน 2 คน กำลังทำงานอยู่กับเครื่องจักรหลอมพลาสติกรีไซเคิล จึงได้เรียกให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาทำการสอบสวนเบื้องต้น

โดยพบว่าโรงงานแห่งนี้มีนายอมร ผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท เคโอเค รีไซเคิล แอนด์เซอร์วิสส์ ตั้งอยู่เลขที่ 6/7 ม.5 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ยอมรับว่าเป็นผู้ประกอบกิจการอุตสาหกรรมหลอมเมล็ดพลาสติก

โดยอ้างว่ากำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการทดลองการทำงานของเครื่องจักร และยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งนายอมร ได้เช่าพื้นที่โกดังแห่งนี้ต่อจากนายธเนศ สีมาเอกรัฐ ผู้เป็นเจ้าของอาคารโกดังแห่งนี้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 61 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขออนุญาตก่อสร้างอาคารเป็นโกดังสินค้า เมื่อปี พ.ศ.2558

หลังการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกอบการรายนี้ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และ อบต.แปลงยาว ดำเนินการตามกฎหมาย โดยให้มีคำสั่งระงับการใช้อาคารจนกว่าจะดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้วเสร็จ

ส่วนแรงงานต่างด้าวทั้งสองคนได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แปลงยาว รับไปตรวจสอบหลักฐานว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย หรือเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ และหากมีการกระทำผิดกฎหมายให้ดำเนินคดีไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป