“บิ๊กโจ๊ก” ขึ้นเหนือยึดอีก 46 ล้าน-เตรียมรูดม่านปิดฉาก “เครือข่ายแชร์ลูกโซ่อดีตผู้การฯ เลย”
( 18 ต.ค. 61 ) พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรภูผาม่าน ในฐานะชุดทำงานเฉพาะกิจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีช่องโกงประชาชน สนธิกำลังร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจท่องเที่ยวเชียงใหม่
นำหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง หมู่บ้านกาญจน์กนก 20 หมู่ 5 ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตรวจค้นหาหลักฐาน และอายัดบ้านพักรวมทั้งทรัพย์สินต่างๆ ไว้ตรวจสอบ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังนำกำลังไปติดป้ายอายัดทรัพย์สินเป็นห้องพักจำนวน 2 ห้อง ภายใน “พีพี คอนโดมิเนียม” ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเบื้องต้นทราบว่า ได้มีการขายห้องพักไปแล้วในราคาห้องละ 450,000 บาท รวม 2 ห้อง ราคา 900,000 บาท และ บ้านพักอีก 1 หลัง ย่านถนนเจริญเมือง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นหญิงเจ้าของบ้านรายหนึ่งที่ถูกอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบครั้งนี้ กล่าวว่า ตนเองก็ถูกหลอกให้ลงทุนในเครือข่ายแชร์ลูกโซ่กลุ่มนี้เช่นเดียวกัน สูญเงินไปกว่า 154 ล้านบาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่จับกุมตัวการใหญ่ของเครือข่ายนี้มาดำเนินคคดีโดยเร็ว
การตรวจค้นยึดทรัพย์ และอายัดทรัพย์สินในวันนี้ ( 18 ต.ค. ) มีทั้งหมด 5 เป้าหมาย แบ่งเป็นจังหวัดเชียงใหม่ 3 เป้าหมาย , พะเยา 1 เป้าหมาย และ ลำปางอีก 1 เป้าหมาย รวมทรัพย์สินที่ทำการยึดในวันนี้จำนวน 46 ล้านบาท
ขณะที่ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.สุรเชษฐ หักพาล รักษาราชการ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) แถลงสรุปผลปฏิบัติการครั้งนี้ มีการตรวจยึดและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง และพะเยา รวม 5 เป้าหมาย รวมมูลค่าทรัพย์สินที่เป็นบ้าน ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และ รถยนต์ ประมาณ 46 ล้านบาท เมื่อรวมมูลค่าทรัพย์สินที่อายัดไว้ทั้งหมดขณะนี้มากกว่า 300 ล้านบาท
ขณะเดียวกันวันนี้ ( 18 ต.ค. ) ได้มีการรับมอบเงินจำนวน 8.3 ล้านบาท จากผู้ต้องหาและพยาน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมและนักธุรกิจที่อยู่ในเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งจะนำเงินจำนวนนี้ส่งมอบให้ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไปดำเนินการต่อไป
ส่วนสำนวนการสอบสวนได้สอบปากคำพยานเสร็จสิ้นไปแล้ว 510 ราย เป็นตำรวจ 240 ราย และ ประชาชนทั่วไป 270 ราย คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ จะสรุปสำนวน ส่งให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาสั่งฟ้องและดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
สำหรับการคืนเงินให้กับผู้เสียหายทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อยและประชาชน ไม่ต้องกังวลใจ เพราะนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ชุดทำงานเร่งทำงานเพื่อคลี่คลายคดี เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับตำรวจชั้นผู้น้อยและประชาชนที่ถูกหลอกลวง
ขณะที่การคืนเงินและทรัพย์สินไม่น่าห่วง เพราะสามารถยึดคืนมาได้ทั้งหมดแล้ว ส่วนกระบวนการคืนเงินจะนำเข้าสู่ขั้นตอนของกฎหมายเพื่อให้ศาลสั่งให้มีการเฉลี่ยทรัพย์คืนให้กับผู้เสียหายต่อไป
พล.ต.ต.สุรเชษฐ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและถูกดำเนินคดีจำนวน 41 ราย จะเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการก่อน แต่หากมีผู้ต้องหาติดต่อขอมอบตัวเพิ่มเติมก็พร้อมจะรับมอบตัวผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งทำงานควบคู่กันทั้งการสอบสวนและการสืบสวน
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ