หนุ่มจิตหลอนคนเดิม คลั่งเผาบ้านตัวเองวอด ซ้ำต้นปีเคยจุดไฟใส่รถ 2 คัน

หนุ่มจิตหลอนคนเดิม คลั่งเผาบ้านตัวเองวอด ซ้ำต้นปีเคยจุดไฟใส่รถ 2 คัน

หนุ่มจิตหลอนคนเดิม คลั่งเผาบ้านตัวเองวอด ซ้ำต้นปีเคยจุดไฟใส่รถ 2 คัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชาวบ้านเอือมระอา หนุ่มจิตหลอนคลั่งจุดไฟเผาบ้านตัวเองวอดวายทั้งหลัก เมียกับญาติส่ายหัวไม่มีใครอยู่ร่วมชายคา ซ้ำเมื่อต้นปีเคยเผารถจักรยานยนต์พังไป 2 คันแล้ว

(21 ต.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ร.ต.อ.ทรงเดช เฮียงก่อ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ได้รับแจ้ง จากศูนย์วิทยุ 191 ว่า ที่ตรงข้ามกับองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพี้ ถนนป่าขนุน-วังผาชัน หมู่ที่ 7 ต.น้ำพี้ อ.ทองแสนขัน มีเหตุไฟไหม้บ้าน จึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกู้ภัยอุตรดิตถ์(มอส)และรถดับเพลิง 3 คัน เร่งฉีดน้ำสกัดเพลิงไฟ บ้านหลังดังกล่าวที่กำลังลุกไหม้ เพื่อไม่ให้เพลิงไฟลุกรามไปยังบ้านใกล้เคียง โดยได้ใช้เวลา 90 นาที เพลิงจึงสงบลง

นายมนูญ คำบุญมา อายุ 51 ปี ผู้บ้านหมู่ที่ 7 ต.น้ำพี้ เล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุครั้งนี้คือ นายรุ่งโรจน์ อายุ 24 ปี ซึ่งเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็เคยก่อเหตุเผารถจักรยานยนต์วอดวายมาก่อนแล้ว และเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเคยขู่ว่าจะเผาบ้าน กระทั่งมาเกิดเหตุขึ้นจริงๆ

เท่านั้นยังไม่พอ ยังให้ นางสุนี ผู้เป็นยายไปไปกู้เงิน ธ.ก.ส.บอกว่าจะไปหางานทำที่ลำปาง โดยก่อนเกิดเหตุ นางสุนี และนายธวัชชัย ผู้เป็นลุง ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เพราะทนพฤติกรรมของหลานไม่ไหว จึงขอย้ายไปอยู่กับญาติที่ต่างหมู่บ้าน

หลังจากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของนางสุนี แต่ปัจจุบันให้ นายรุ่งโรจน์ หลานชายได้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ นายรุ่งโรจน์เป็นผู้ก่อเหตุจนได้รับความเสียหายทั้งหลัง โดยในขณะที่เกิดเหตุ น.ส.ศิริวรรณ อายุ 26 ปี ภรรยาที่เพิ่งอยู่กินกันมาประมาณ 4 เดือน ไม่ได้อยู่บ้านด้วย

ในส่วนป่วยอาการทางจิตนั้น ทางญาติได้เคยนำตัว นายรุ่งโรจน์ ไปรักษา รพ.สวนปุง จ.เชียงใหม่ กระทั่งพบว่าหายแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ทองแสนขัน ได้ควบคุมตัวไว้เพื่อส่งโรงพยาบาลทองแสนขัน เพื่อตรวจปัสสวะว่ามีการเสพยาติดหรือไม่

เบื้องต้นได้แจ้งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุในการวางเพลิงในครั้งนี้ ส่วนข้อหากำลังอยู่สืบสวนสอบสวนว่าคนวางเพลิงเผาบ้านตนเองในครั้งนี้ มีแรงจูงใจจากเหตุอะไรและได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพื่อตั้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook