ลุงขายกะทิช็อก เงินเก็บทั้งชีวิตฝากธนาคาร "สาวแบงก์" แอบยักยอก 6.7 แสน

ลุงขายกะทิช็อก เงินเก็บทั้งชีวิตฝากธนาคาร "สาวแบงก์" แอบยักยอก 6.7 แสน

ลุงขายกะทิช็อก เงินเก็บทั้งชีวิตฝากธนาคาร "สาวแบงก์" แอบยักยอก 6.7 แสน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช็อกสุดขีด เงินเก็บทั้งชีวิต ฝากประจำลอยหายจากแบงก์ทั้งที่ไม่ได้ถอน โร่แจ้งความ ตร. 3 ราย ยอดรวมเกือบ 2 ล้านบาท ด้าน สนง.ใหญ่สาวแบงก์ตัวแสบ สั่งคืนเงินลูกค้าใน 2 วัน

วันที่ 22 ตุลาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสงค์ชัย อายุ 69 ปี อยู่ในสภาพวิตกกังวล หลังได้รับหนังสือยืนยันเพื่อการสอบบัญชี จัดทำเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ของยอดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากประจำ ประเภท 12 เดือน ของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง สาขาในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ที่มี นายประสงค์ชัย มากบำรุง เป็นเจ้าของบัญชี ซึ่งจำนวนยอดเงินสุทธิที่ธนาคารแจ้ง ไม่ตรงความเป็นจริงกับยอดเงินที่นำไปฝาก

จากยอดเงินทั้งหมด 702,000 บาท เหลือเพียง 32,000 บาท จึงประสานไปยัง จนท.ธนาคารให้ทราบเรื่อง พร้อมลงบันทึกว่า เงินถูกถอนออกจากบัญชีโดยไม่ได้เป็นผู้ทำรายการถอนเงินแต่อย่างใด โดยได้ประสานงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ผ่านมา 4 เดือน แต่ยังไม่ได้ความคืบหน้า จำเป็นต้องเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ล่าสุดมีลูกค้าจากธนาคารเดียวกัน เข้าแจ้งความแล้ว 3 ราย รวมยอดเงินกว่า 1.7 ล้านบาท

นายประสงค์ชัย กล่าวว่า ตนเป็นลูกค้าของธนาคารดังกล่าวมาเป็นเวลานาน มีความไว้ใจ หลังเริ่มเก็บออมเงิน จากการคั้นกะทิสดขาย ที่ตลาดเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ มานานกว่า 20 ปี จัดสรรเงินเป็น 2 ส่วน โดยฝากประเภทออมทรัพย์ที่สามารถเบิกถอนได้ง่าย นำมาลงทุนคั้นกะทิ อีกส่วนนำฝากประจำ 12 เดือน หวังดอกเบี้ยในบั้นปลายชีวิต จำนวน 1,002,000 บาท ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2560 จากนั้นได้ถอนด้วยตัวเอง 2 ครั้ง เป็นเงินรวม 300,000 บาท จึงเหลือยอดเงินในบัญชี 702,000 บาท

 

หลังมีหนังสือแจ้งให้ตรวจสอบความถูกต้องของยอดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝาก พบว่าเหลือ 32,000 บาท จึงรีบไปแจ้งกับ จนท.ธนาคารว่า เงินในบัญชีไม่ตรงความเป็นจริง และมีเงินหายออกจากบัญชีไปจำนวน 670,000 บาท มีการถอนออก 5 ครั้ง ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ย จนท.ธนาคารให้ลงบันทึกไว้ และจะเร่งนำเงินมาคืน แต่เวลาล่วงเลยมา 4 เดือน จึงวิตกกังวล เพราะนั่นคือเงินที่เก็บออมจากการทำมาหาเก็บของตนและภรรยากว่า 20 ปี ที่ต้องตื่นแต่เที่ยงคืนทุกวันไม่มีวันหยุด เพื่อคั้นกะทิสดส่งลูกค้า จึงตัดสินใจเข้าปรึกษา พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ และแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ล่าสุดมีประชาชนซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารแห่งนี้ จำนวน 3 ราย ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน หลังจากตรวจสอบพบว่า ยอดเงินฝากประจำ 12 เดือน ของธนาคารดังกล่าว หายไปจากบัญชี โดยที่เจ้าของบัญชีไม่ได้ทำการถอนเงินแต่อย่างใด รายแรก 702,000 บาท รายที่ 2 จำนวน 577,000 บาท และรายที่ 3 เป็นผู้สูงวัย อายุ 90 ปี จำนวน 500,000 บาท รวมยอดเงิน 1,779,000 บาท

สำหรับในทางสอบสวนของคดีดังกล่าว ได้มอบให้ทางสารวัตรสืบสวน ได้เรียก ผจก.ธนาคารมาสอบสวน จากหลักฐานในเบื้องต้นของความเสียหายในครั้งนี้ น่าจะเกิดจากการกระทำของพนักงานธนาคาร ซึ่งทางธนาคารจะเป็นผู้เสียหายในการดำเนินคดี หลักทรัพย์นายจ้าง ในทางแพ่ง เจ้าของเงินสามารถเรียกร้องให้ธนาคารชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยได้

อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากไปยังเจ้าของบัญชีเงินฝาก โดยเฉพาะฝากประจำ ต้องหมั่นตรวจเช็กยอดเงินเพื่อความถูกต้อง เพราะบางเรื่องไม่น่าจะเกิด ก็เกิดขึ้นได้ในสังคมนี้ ประชาชนมีความมั่นใจ ไว้ใจต่อสถาบันการเงิน จึงนำเงินไปฝาก แต่กลับเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ล่าสุด มีรายงานว่า พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวจนรู้ว่า ที่แท้เป็นพนักงานแบงก์สาว ที่กระทำการทุจริตถ่ายเทเงินไป แต่ปิดเรื่องเงียบนาน 4 เดือน เพราะกลัวสำนักงานใหญ่ทราบเรื่อง แต่หลังจากเป็นข่าว ทางสาขาของธนาคารดังกล่าวได้ส่งเรื่องขออนุมัติคืนเงินลูกค้า เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหาย โดยสำนักงานใหญ่ของธนาคารดังกล่าวได้อนุมัติให้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าเงินจะสามารถจ่ายเงินคืนผู้เสียหายได้ภายใน 1-2 วัน แต่คืนเฉพาะ 2 รายแรกก่อน ส่วนรายที่ 3 ต้องรอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะที่กระบวนการสอบสวนความผิดจากพนักงานแบงก์สาวนั้น สำนักงานใหญ่ได้มอบหมายให้ทางสาขาไปดำเนินการแจ้งความเอาผิดตามระเบียบ เพื่อลงโทษ และจะได้เรียกคืนความเสียหายที่พนักงานทำกับธนาคารด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook