วิกฤตน้ำเสีย-ปลากระชัง "อ่างกระเสียว" ตายนับร้อยตัน เสียหายนับสิบล้าน!

วิกฤตน้ำเสีย-ปลากระชัง "อ่างกระเสียว" ตายนับร้อยตัน เสียหายนับสิบล้าน!

วิกฤตน้ำเสีย-ปลากระชัง "อ่างกระเสียว" ตายนับร้อยตัน เสียหายนับสิบล้าน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่อ่างเก็บน้ำกระเสียว หมู่ 17 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี มีปลาทับทิม ปลานิล ที่เลี้ยงในกระชังตายเป็นจำนวนมาก เดินทางไปตรวจสอบพบผู้ประกอบการเลี้ยงปลากระชังกำลังขนย้ายปลาที่ตายอยู่เป็นจำนวนมากขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อเพื่อนำไปทำปลาป่นอาหารสัตว์

โดยนายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภอด่านช้าง ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิล ปลาทับทิมในกระชัง จำนวน 60-70 ราย ที่เลี้ยงปลาจำนวน 1,400 กระชัง ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากปลาที่เลี้ยงไว้ได้น็อกน้ำตาย

ในเบื้องต้นตรวจสอบพบว่าปลาตายไปแล้วกว่า 300 ตัน หลังเกิดวิกฤตปลาตายนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานประมงจังหวัด ชลประทานจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหน่วยป้องกันและปราบปรามน้ำจืดเขื่อนกระเสียวสุพรรณบุรี อบต.ด่านช้าง เกษตรอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ ฯลฯ เข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ส่วนแรกให้แยกปลาที่ตายแล้วขึ้นมาจากน้ำให้เร็วที่สุด ส่วนปลาที่ตายมาหลายวันแล้วไม่สามารถขายต่อไปยังผู้รับซื้อได้ให้นำไปฝังกลบแล้วนำจุลินทรีย์อีเอ็มราดทับเพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นสร้างมลภาวะให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ให้เร่งตรวจสอบสภาพน้ำและค่าออกซิเจนประเมินความเสียหาย เพื่อประชุมสรุปและเร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาต่อไป

ขณะที่นายเดชา รอดระรัง ประมงจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวเพิ่มในส่วนของปลาที่ตายในอ่างเก็บน้ำกระเสียวแห่งนี้ เมื่อวัด BOD ในน้ำหลังเกิดเหตุการณ์ปลาตายนับร้อยตันมีค่าออกซิเจนต่ำมากมีแค่เพียง 0.03 BOD เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าค่าออกซิเจนในน้ำมาก สัตว์น้ำไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างแน่นอน

โดยปกติสัตว์ในน้ำต้องการค่าออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 3.00 BOD ส่วนสาเหตุการตายของปลาเหล่านี้เกิดจากหลายปัจจัย อาทิ มีของเสียที่เกิดจากการเลี้ยงปลาเป็นเวลานานของเกษตรกรสะสมของเสียทำให้น้ำเสีย การเลี้ยงปลาใกล้กันหนาแน่นจนทำให้ออกซิเจนในน้ำน้อยมาก ส่วนค่าเสียหายเบื้องต้นจากเหตุการณ์น้ำเสียปลาตายครั้งนี้ประมาณ 15-20 ล้านบาท

ส่วนชาวบ้านที่ใช้น้ำประปาฝนเขต อ.ด่านช้าง หวั่นเกรงว่าสถานการณ์ขณะนี้หลังเขื่อนน้ำลดลงเป็นจำนวนมากอาจเป็นสาเหตุส่งผลทำให้ปลาตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน อีกทั้งยังเกิดความสงสัยว่าน้ำในเขื่อนที่ลดลงไปนี้จะส่งผลกระทบกับน้ำประปาที่ใช้อยู่กันหรือไม่ เนื่องจากน้ำประปาที่ใช้อยู่ต้องใช้น้ำดิบในเขื่อนกระเสียวมาผลิตเป็นน้ำประปา

ขณะที่นายอุดมพร ผาสุก ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษากระเสียว กล่าวถึงความจุปริมาณของน้ำในเขื่อนกระเสียวสามารถรองรับน้ำได้ 299 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้มีปริมาณน้ำเหลืออยู่ในอ่าง 114 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น คิดเป็น 38% ล่าสุดได้ให้เกษตรกรงดปลูกพืชในฤดูแล้ง และจากสถานการณ์ปลาตายในอ่างเก็บน้ำกระเสียวไม่ส่งผลกระทบกับการใช้น้ำประปาแต่อย่างใดขอให้ชาวบ้านไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านนางสมถวิล ทองมาเอง อายุ 54 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในกระชังรายหนึ่งกล่าวด้วยว่าเกษตรกรมีต้นทุนในการเลี้ยงปลาในกระชังประมาณ 60 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม จะสามารถขายส่งได้กิโลกรัมล่ะ 65-70 บาท ซึ่งเกษตรกรจะมีกำไร 5-10 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น จากเหตุการณ์น้ำเสียในครั้งนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในปี 2558 แต่ไม่รุนแรงขนาดนี้ ผลกระทบในครั้งนี้มีเกษตรกรหลายรายที่เลี้ยงจำนวนมากถึงกับต้องสิ้นเนื้อประดาตัว จึงวอนผู้เกี่ยวข้องมาตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อให้การช่วยเหลือด้วย

นายปิยะพงษ์ สุขรินทร์ อายุ 33 ปี เจ้าของแพปลา และเป็นพ่อค้ารับซื้อ และขายปลา เผยว่าหลังทราบข่าวว่ามีปลาตายนับร้อยตัน จึงได้เข้ามาซื้อปลาที่ตายเพื่อนำไปส่งให้โรงงานทำปลาป่นนำไปเป็นอาหารสัตว์ ใน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ปกติหากปลาไม่ตายจะซื้อปลาเข้า 80 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม แต่ขณะนี้ตนมาซื้อปลาที่ตายเพื่อช่วยเพื่อนเกษตรกรที่ค้าขายกันมาในราคากิโลกรัมละ 3-4 บาทเท่านั้น

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ วิกฤตน้ำเสีย-ปลากระชัง "อ่างกระเสียว" ตายนับร้อยตัน เสียหายนับสิบล้าน!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook