ลูกศิษย์อาลัย "หลวงปู่หลำ" หยั่งรู้วันมรณภาพล่วงหน้า สั่งเสียร่างจะไม่เน่าเปื่อย

ลูกศิษย์อาลัย "หลวงปู่หลำ" หยั่งรู้วันมรณภาพล่วงหน้า สั่งเสียร่างจะไม่เน่าเปื่อย

ลูกศิษย์อาลัย "หลวงปู่หลำ" หยั่งรู้วันมรณภาพล่วงหน้า สั่งเสียร่างจะไม่เน่าเปื่อย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 ตุลาคม 2561 ที่สำนักสถานปฏิบัติธรรม หลวงปู่หลำ หรือ พระวีระ เทวถาโร บ้านสิมลี หมู่ 2 ต.เหนือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ได้มีประชาชน ศิษยานุศิษย์หลวงปู่หลำจากทั่วสารทิศ ใส่ชุดดำ และชุดขาวไว้ทุกข์ เข้าสักการะสรีระหลวงปู่หลำ ภายในกุฎิ หลังทราบข่าวมรภาพภาพด้วยโรคประจำตัวอย่างกะทันหันเมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยศิษยานุศิษย์ ต่างอยู่ในอาการโศกเศร้า ถึงแม้ว่าบางคนจะรู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่า หลวงปู่จะจากไป เนื่องจากท่านได้สั่งเสียบอกวันที่จะมรณภาพไว้ให้ทราบแล้ว และยังทำพินัยกรรมไว้แล้ว ทั้งการข้อข้อความไว้บนแผ่นกระจกหน้าห้องจำวัตรบนกุฎิ และบันทึกในข้อมูลคอมพิวเตอร์ส่วนตัว โดยเฉพาะหลวงปู่ได้สั่งไว้ในวันออกพรรษาก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงในวันนี้ว่า “อีก 3 วันกูจะไปแล้ว”

นายสมเจตน์ ชะวาเขียว อายุ 69 ปี กล่าวว่า ตนฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่หลำมานาน 5 ปี เนื่องจากเกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาของหลวงปู่ ที่เป็นพระนักปฏิบัติ เคร่งครัดในศีลธรรม มีความเมตตา อ่อนโยน กับลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปอย่างเสมอภาค เดิมท่านธุดงค์มาจากต่างจังหวัด ก่อนที่จะมาบำเพ็ญภาวนาที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นได้ธุดงค์มาในพื้นที่ ต.เหนือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ กระทั่งมีญาติโยม ผู้มีจิตศรัทธา ชาวบ้านสิมลี หมู่ 2 ต.เหนือ สละที่ดินประมาณ 7 ไร่ นิมนต์ให้หลวงปู่หลำ ปฏิบัติธรรมจำพรรษา และจัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมหลวงปู่หลำ เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ตนและศิษยานุศิษย์ จึงได้ติดตามมาทำบุญและอุปัฏฐากหลวงปู่เรื่อยมา เหตุการณ์ละสังขารของหลวงปู่ จึงนำความโศกเศร้าให้กับศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการจากไปอย่างปัจจุบันทันด่วน ทั้งนี้ ศิษยานุศิษย์และชาวบ้าน มีมติจะเก็บรักษาสรีระของหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว 15 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้ศิษยานุศิษย์ประชาชนทั่วไป ได้มากราบไหว้ และแสดงความอาลัยกับหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้าย

ขณะที่นางไพฑูรย์ อ่อนบัวขาว อายุ 49 ปี กล่าวว่า ตนเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หลำมานาน 7 ปี ปกติหลวงปู่มีสุขภาพแข็งแรง และเริ่มจะมีอาการของโรคเบาหวานและความดันตามวัย 64 ปี แต่ก็ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง โดยหลวงปู่จะบำบัดรักษาตามกรรมวิธีของแพทย์แผนปัจจุบันและธรรมะบำบัด ทราบว่าบางครั้งเบาหวานขึ้นสูงถึง 400 แต่หลวงปู่ก็สามารถผ่านวิกฤติมาได้อย่างปลอดภัย ยังควบคุมระดับน้ำตาลและดำเนินชีวิตมาได้อย่างปกติ ให้การอบรมพร่ำสอนธรรมะแก่ลูกศิษย์ลูกหาเป็นกิจวัตรประจำวัน และตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ไม่มีสัญญาณว่าหลวงปู่จะอาพาธแต่อย่างใด

ในส่วนที่หลวงปู่เขียนข้อความไว้บนแผ่นกระจกบนกฏิหน้าห้องจำวัตร เกี่ยวกับการจัดการสรีระสังขารนั้น จริงๆแล้วท่านบอกให้ลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นคนเขียนไว้นานแล้ว เช่น ห้ามนำสังขารย้ายไปที่ไหนเด็ดขาด ห้ามสวดมาติกาเด็ดขาด ห้ามฉีดยาโดยเด็ดขาด เพราะร่างจะไม่เน่าเปื่อยคงสภาพเดิมทั้งสีสันและลักษณะ และยังมีข้อห้ามอีกหลายข้อ รวมทั้งมีบันทึกพินัยกรรมไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของหลวงปู่ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และในสาเหตุการมรณภาพภาพของหลวงปู่นั้น ถึงแม้จะเป็นเหตุการณ์ความสูญเสียที่ยังทำใจไม่ได้ แต่ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลายคนก็พอจะรู้เป็นล่วงหน้า 3 วัน โดยเมื่อวันออกพรรษาหลวงปู่ได้เปรยขึ้นว่า “อีก 3 วันกูจะไปแล้ว” ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าหลวงปู่จะไปไหน นึกว่าท่านพูดเล่นด้วยซ้ำไป แต่เมื่อท่านมรณภาพจริงๆ จึงได้รู้คำตอบว่าท่านหยั่งรู้วาระสุดท้ายของตนเอง โดยมรณภาพอย่างสงบเมื่อคืนวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมาที่หน้าห้องน้ำในกุฏิ

ด้าน พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัญย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ได้รับแจ้งว่ามีพระสงฆ์มรณภาพภายในสถานปฏิบัติธรรมหลวงปู่หลำ บ้านสิมลี ต.เหนือ เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังได้รับแจ้งจึงลงพื้นที่เข้าตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.ต.ชูชาติ อุทธิสินธ์ พนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าของคดี พร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน โดยจากการตรวจสอบบริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลที่เกิดจากการทำร้ายแต่อย่างใด และทรัพย์สินยังอยู่ครบ

ทั้งนี้จากการสอบถามญาติและลูกศิษย์พบว่าหลวงปู่นั้นมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ประกอบกับอายุมากแล้ว จึงคาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุในการมรณภาพ ซึ่งจากการชันสูตรของแพทย์พบว่าสาเหตุการมรณภาพเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งทางญาติและลูกศิษย์ก็ไม่ได้ติดใจในสาเหตุการมรณภาพ ทางเจ้าหน้าที่จึงมอบให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook