คุณตาวัย 70 ทำใจระทึก ขังตัวเองในรถเกือบ 10 ชั่วโมง พร้อมกระบอกปืน

คุณตาวัย 70 ทำใจระทึก ขังตัวเองในรถเกือบ 10 ชั่วโมง พร้อมกระบอกปืน

คุณตาวัย 70 ทำใจระทึก ขังตัวเองในรถเกือบ 10 ชั่วโมง พร้อมกระบอกปืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจนครปฐมวางแผนเข้าชาร์จตัว คุณตาวัย 70 มีประวัติป่วยทางจิต ขับรถเสียหลักชนข้างทางหน้าปั๊มน้ำมัน พบอาวุธปืนด้วย กล่อมนานเกือบ 10 ชั่วโมง ตัดสินใจประชิดตัวเกรงจะขาดใจตาย

เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ได้รับแจ้งว่ามีชายขังตัวเองอยู่ในรถเก๋งที่เกิดเหตุริมถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ใน ต.สระกระเทียม อ.เมือง จ.นครปฐม จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกว่า 50 นาย

สำหรับเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์เสียหลักพุ่งชนฟุตปาธหน้าปั๊มน้ำมัน จุดเกิดเหตุทางเข้าปั๊มน้ำมัน เมื่อตรวจสอบก็พบรถยนต์โตโยต้า แคมรี สีบรอนซ์เงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการตรวจสอบพบว่ามีชายสูงวัยอยู่ในรถ ขังตัวเองเอาไว้และไม่ยอมลงมา กระทั่งทราบชื่อในภายหลังคือ นายบุญยิ่ง อายุ 70 ปี

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครปฐม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ เสริมกำลังมาที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันหากเกิดกรณีฉุกเฉิน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มองเข้าไปภายในรถ ยังพบอาวุธปืนขนาด .357 วางอยู่ที่เกียร์รถด้วย

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุย พร้อมกับประสานงานติดตามญาติ ช่วยกันเกลี่ยกล่อมให้นายบุญยิ่งลงมาจากรถ แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ ขังตัวอยู่นั่งอยู่เช่นนั้นอยู่หลายชั่ว กระทั่งเริ่มหมดแรงและอ่อนเพลียลงเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการซักซ้อมยุทธวิธีในการเข้าควบคุมตัวเฉพาะกิจ เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุและยังมีประวัติเป็นผู้ป่วยทางจิต อีกทั้งยังมีอาวุธปืนอยู่ในรถยนต์ด้วย

พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึงรอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม เปิดผยว่า ชายคนดังกล่าวได้ขังตัวเองอยู่บนรถ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด กระทั่งช่วงสายๆ เด็กปั๊มน้ำมันก็แจ้งไปที่ 191 จึงได้เดินทางมาที่เกิดเหตุจึงเกลี่ยกล่อมอยู่นานเกือบ 10 ชั่วโมง จึงเกรงว่าชายดังกล่าวจะขาดอากาศหายใจ เพราะในรถค่อนข้างร้อนอบอ้าว

หลังจากการวางแผนและซ้อมแผนกันอยู่สักครู่ เจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจเปิดประตูรถและเข้าชาร์จตัว นายบุญยิ่ง ได้ในทันที ก่อนจะนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทั้งนี้ชายคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช มีประวัติการรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และไม่ทราบว่าขับรถมายังที่เกิดเหตุได้อย่างไร ส่วนอาวุธปืนก็ไม่ทราบว่านำมาจากที่ไหน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook