เปิดใจ 2 แร็ปเปอร์ “ประเทศกูมี” โต้ไม่รักชาติ แต่งเพลงหวังสะท้อนสังคมให้แก้ไข

เปิดใจ 2 แร็ปเปอร์ “ประเทศกูมี” โต้ไม่รักชาติ แต่งเพลงหวังสะท้อนสังคมให้แก้ไข

เปิดใจ 2 แร็ปเปอร์ “ประเทศกูมี” โต้ไม่รักชาติ แต่งเพลงหวังสะท้อนสังคมให้แก้ไข
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

( 27 ต.ค. 61) นายเดชาธร บำรุงเมือง หรือ ฮอคกี้ และ นายพัทธดนย์ วงษ์สมัย หรือ เต้ สองตัวแทนนักร้องแร็ปเปอร์จากวง RAP AGAINST DICTATORSHIP ซึ่งได้ถ่ายทอดบทเพลง “ประเทศกูมี” จนเกิดเป็นกระแสพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์

โดยทั้งสองคนเปิดเผยว่า สำหรับโปรเจกต์นี้พวกตนมีไอเดียหลักตามชื่อกลุ่ม คือ ช่วงแรกมีผู้ริเริ่มแต่งแต่ยังหาบทจบของเนื้อเพลงไม่ได้ ทำให้เขามาร่วมปรึกษาพูดคุยกันว่าเพลงที่ถ่ายทอดเนื้อหาเชิงสังคมการเมือง หากพูดหรือร้องเพียงคนเดียวอาจจะมีพลังน้อย พวกตนจึงชักชวนแรปเปอร์อีกหลายคนมาบอกเล่าประเด็นทางสังคม

>> “Rap Against Dictatorship” แก๊งฮิปฮอปกลุ่มใหม่ สาดใส่ความรู้สึกต่อสังคมกับ “ประเทศกูมี”

โดยแต่ละคนจะต้องแต่งเนื้อหามาเอง แล้วจึงช่วยกันคัดกรองเนื้อหาอีกที ซึ่งขั้นตอนการทำงานนั้นต้องเลือกแร็ปเปอร์ที่จะสามารถหาคนที่พร้อมและสนใจในประเด็นนี้จริง ๆ มาทำ แม้ว่าแต่ละคนจะร้องเพียง 8 บาร์ แต่ว่าทุกคนจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการหาจุดเชื่อมให้สามารถยิงแต่ละบาร์แล้วมีเนื้อหาที่สมบูรณ์ได้

สำหรับมิวสิควีดีโอเพลงนั้น ทุกคนอยากพูดถึงภาพการเมือง เรื่องของอำนาจรัฐและความแตกแยกของสังคม ซึ่งเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นั้นถือว่าตอบโจทย์ที่สุด จึงเลือกภาพเหตุการณ์นี้มาใช้ โดยที่หลายปีหลังมานี้เราก็เห็นความแตกแยกมาโดยตลอด ซึ่งภาพเหตุการณ์ 6 ตุลาคมก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือนของสังคมได้มากพอสมควร

นายเดชาธร บำรุงเมือง หรือ ฮอคกี้

ทั้งนี้ การที่เจ้าหน้าที่ออกมามีท่าทีกับเพลงนี้ พวกตนยอมรับว่าค่อนข้างเป็นกังวลมากพอสมควร จึงหายจากเพจเฟซบุ๊กไป 1 วัน เพื่อตามข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งตอนนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดเรียกไปพบ หรือมีหมายเชิญให้ไปชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้ แต่หากถามว่ากังวลมากน้อยเพียงใด ยอมรับว่าก็พอสมควร เพราะมีการประโคมข่าวและมีการพูดกันในสื่อออนไลน์ค่อนข้างเยอะ จนกลายเป็นติด trending ใน Twitter

>> โฆษกเผย รัฐบาลเสียใจเพลงแร็ป "ประเทศกูมี" ชี้ทำประเทศเสียหาย

ส่วนที่หากเจ้าหน้าที่จะกล่าวหาว่าบทเพลงของพวกตนมีเนื้อหาที่เป็นเท็จ ตนเองก็มาไตร่ตรองดูแล้วยังไม่เห็นว่ามีเนื้อหาใดที่เป็นเท็จเลย หรือหากถามว่าตรงไหนที่จริงหรือเท็จ ตนคิดว่าประสบการณ์ในการรับสารของแต่ละคน หรือแต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกัน พวกเราพยายามตั้งคำถามและวิพากษ์ในเรื่องนั้นในเพลง ซึ่งเพลงที่แต่งก็เป็นมุมมองส่วนบุคคล แร็ปเปอร์แต่ละคนถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกส่วนตัว ไม่ได้มีการแบ่งกันหรือเตรียมกันว่าใครต้องพูดเนื้อหาช่วงไหน ซึ่งพวกตนก็ไม่ได้บอกว่าเนื้อหาช่วงไหนผิดหรือถูก แต่เป็นการนำเสนอมุมมองของแต่ละคน ซึ่งผู้ฟังต่างหากที่จะเป็นคนรับฟังแล้วตัดสินใจเอง

ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า เพลงนี้จะสร้างความปลุกปั่นหรือไม่ แร็ปเปอร์ทั้งสองคนกล่าวว่า หากเราใส่หมวกใบหนึ่งก็อาจมองว่าเป็นความแตกแยก แต่ในขณะที่พวกตนมองนั้น กลับคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมเกิดความตื่นตัวจากเพลงๆ เดียว การส่งเมสเสจในเพลงทำให้หลายคนออกมาถกเถียงกัน ทั้งในแง่เรื่องจริง เรื่องเท็จ หรือเรื่องที่ยังสรุปไม่ได้ ก็เป็นเพราะการพูดผ่านบทเพลงของพวกเรานั้นสร้างความถกเถียง เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนและแก้ปัญหาร่วมกัน ทั้งจากผู้มีอำนาจระดับสูงในสังคม จนไปถึงคนที่ถกเถียงในโลกออนไลน์

>> ยังตอบไม่ได้! เนื้อหา "ประเทศกูมี" ผิดหรือไม่ ปอท.ลุยสอบแต่ยังไม่เรียกใครพบ

ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า คำว่า “ประเทศเ-ี้ย” ในบทเพลงนี้ต้องการสื่อสารอย่างไรบ้าง แร็ปเปอร์ได้ชี้แจงว่า ในเพลงแร็ปจะมีการแต่งเพลงที่มีตัว E กำกับ ถ้าคนที่ฟังเพลงแร็ปหรือเพลงเพลงใต้ดิน เราจะคุ้นเคยกับประโยคเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งมันคือน้ำหนักของภาษาและทำให้ความหมายของคำชัดเจน หากใช้คำว่า “ประเทศแย่” อาจจะไม่ได้น้ำหนักของภาษา หรือไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความตื่นตัว ก็อาจจะทำให้เพลงมีน้ำหนักน้อยลง ซึ่งประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่า พวกตนไม่ได้อยากอยู่ในประเทศนี้ เราอยู่กันมาทั้งชีวิต และทุกคนก็โตแล้วมีความคิดพอที่อยากให้ประเทศดีขึ้น ไม่ใช่การแสดงความเห็นเพียงว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วหรือ พวกตนเพียงอยากให้เกิดการพูดถึงที่จะกระทบต่อความคิดของคนให้พูดถึงประเด็นนี้ เพื่อให้ประเด็นที่ถูกกล่าวถึงนั้นได้แก้ปัญหาจริง ๆ

หากถามว่าพวกตนไม่รักชาติหรือ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องจริง พวกตนอยู่มาและมีบทบาทในการทำงานช่วยเหลือประเทศหลาย ๆ อย่าง นั่นก็คือความรักชาติอย่างหนึ่ง ทุกคนในวงก็ใช้ชีวิตในประเทศไทยกันมาตลอด และไม่มีใครอยากเห็นประเทศไทยแย่ลง แต่ทุกคนสวมหมวกแล้วมองประเทศว่ายังมีข้อเสียอะไร ที่พวกเราควรจะต้องพัฒนากันต่อเพื่อให้ไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น

นายพัทธดนย์ วงษ์สมัย หรือ เต้

ด้านนายพัทธดนย์ ยืนยันว่า จุดประสงค์ของเพลงนี้คือต้องการให้เกิดการถกเถียงเพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นของประเทศนี้ ซึ่งมันก็ตรงกับจุดประสงค์ พวกตนไม่ได้ต้องการให้ใครมาไล่เราออกจากประเทศ แต่พวกตนต้องการอยู่เพื่อทำให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขมัน การแก้ไขปัญหาแต่ละอย่างของประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับเรา ซึ่งพวกตนอยากให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม

ส่วนใครจะกล่าวหาว่าพวกตนทำเนื้อหาบิดเบือน หากมองตามที่ท่านศรีวราห์อ้างนั้น ท่านก็ยังบอกว่า 50/50 ยังไม่มีประโยคไหนที่ฟันธงว่าเท็จ หรือจริง แล้วข้อมูลของการรับสารแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกัน พวกเราก็แค่โยนสารหรือข้อความนั้นลงไปในเพลง

>>คนส. ชี้ "ประเทศกูมี" เป็นศิลปะกระตุ้นสำนึก ย้ำ "ศรีวราห์" ไม่ควรใช้อำนาจก้าวล่วง

ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่าเรากำลังแสดงจุดยืนในการต่อต้านระบอบเผด็จการทหารหรือไม่ ซึ่งนายเดชาธรตอบว่า จุดยืนของพวกตนนั้นมีตั้งแต่ในชื่อวงแล้ววง คือ RAP AGAINST DICTATORSHIP ซึ่งเราแร็ปเพื่อต่อต้านทั้งระบอบเผด็จการทหาร รวมถึงการต่อต้านอำนาจที่เบ็ดเสร็จ อำนาจที่ประชาชนไม่มีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมหรือมีโอกาสน้อยมากในการแสดงความคิดเห็น

ยอดผู้เข้าชมสูงถึง 13 ล้านวิว (อัปเดท 28 ต.ค. เวลา 14.00 น.)

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนยอมรับว่าตกใจที่ตอนนี้ยอดวิวของเพลงพุ่งสูงมาก และทุกคนพูดถึงเพลงของพวกตน ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคนฟังเพลงพวกตนมากขนาดนี้ ตนก็ต้องขอบคุณทั้งกระแสที่ชื่นชอบและไม่เห็นด้วย ตนขอบคุณทุกคนที่ด่าเพลงนี้ เพราะนั่นแสดงว่าคุณฟังเพลงของพวกเรามากพอ หรือฟังจนแตกฉาก จนหาจุดอ่อนของเพลงและทราบว่าประเด็นของเพลงคืออะไร ส่วนใครที่ชอบเพลงนี้ แต่ยังไม่มีการตั้งคำถามกับเพลง ตนก็อยากให้ย้อนกลับไปฟังอีกหลาย ๆ รอบ เพราะตนเชื่อว่าการฟังแล้วแสดงความคิดเห็น มันดีที่ทำให้เกิดการถกเถียง ตนเชื่อว่าสังคมนี้ ทุกคนต้องการเห็นสิ่งที่ดีขึ้นและเกิดการเปลี่ยนแปลง

สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ พวกตนยังขอยืนยันว่าเราอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ซึ่งหากกฎหมายขอไหนตรวจสอบได้ว่าเพลงนี้มีความผิดจริง พวกตนก็ขอน้อมรับและพร้อมที่จะเข้าไปชี้แจง พวกตนเพียงสื่อสารสิ่งที่ถนัดที่สุดออกไป หากรุนแรงมากไป ก็มาคุยกันว่าตรงไหนผิด แต่หากถามว่ากลัวไหม ทุกคนในวงย่อมกลัว เพราะทุกคนเป็นเพียงประชาชนตัวเล็ก ๆ และร้องเพลงแร็ปตามสิ่งที่คิดแค่นั้น หากจะมีความผิดก็ว่ากันไปตามผิด เพราะพวกตนไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งหากจะมีอะไรตามมา พวกตนก็จะคิดว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook