ผงะ! กรณีช้างสวนป่าลาดกระทิง ชาวบ้านเผยไม่ใช่ "ช้างป่า" แต่เป็น "ช้างปล่อย"
ชาวบ้านปูดเผยช้างสวนป่าลาดกระทิงเป็นช้างปล่อยไม่ใช่ช้างป่า หลังชาวบ้านยันตรงกันมีผู้พบเห็นรถบรรทุกขนนำมาปล่อยทิ้ง ระบุไม่ใช่ช้างอพยพออกมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน เหตุเชื่องและคุ้นชินกับมนุษย์ผิดธรรมชาติ ทั้งยังฟังเสียงภาษาคนรู้เรื่อง ยอมทำตามคำสั่งและเชื่อฟังอย่างง่ายดาย
วันที่ 28 ต.ค. 61 เวลา 14.30 น. นางรุ่งนภา ม่วงไม้ อายุ 54 ปี ชาวบ้านหมู่บ้าน กม.7 ซึ่งเป็นหมู่บ้านอยู่ติดกับสวนป่าลาดกระทิง ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่ถูกช้างในสวนป่าออกมาหากินภายในบริเวณบ้านเกือบทุกคืน เล่าถึงพฤติกรรมช้างที่มาอาศัยอยู่ในสวนป่าลาดกระทิงว่า
ช้างกลุ่มนี้ได้เริ่มเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้มาเมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน จากเดิมไม่เคยปรากฏว่าเคยมีช้างป่ามาอาศัยอยู่ภายในส่วนป่าแห่งนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทางรัฐบาลได้มีการเข้มงวดในเรื่องของการตีทะเบียน และให้เจ้าของช้างยืนยันแหล่งที่มา หรือแสดงถึงสายพันธุกรรมของช้างที่มีไว้ในความครอบครองจึงทำให้เจ้าของช้างเกรงกลัวความผิดแล้วนำมาปล่อยป่า
ประกอบกับยังมีชาวบ้านเคยพบเห็นว่า มีรถบรรทุกสิบล้อลักษณะมีหลังคาโครงเหล็กแบบโปร่ง และมีผ้าใบคลุมขับเข้ามาในพื้นที่สวนป่าในช่วงเวลากลางคืนอย่างผิดสังเกตบ่อยครั้งในช่วงเวลานั้น ก่อนที่จะเริ่มมีคนพบเห็นช้างเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่สวนป่าแห่งนี้ ซึ่งครั้งแรกชาวบ้านต่างรู้สึกหวาดกลัวที่มีโขลงช้างเข้ามาอาศัยอยู่ใกล้หมู่บ้าน
จึงได้มีการแจ้งไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ทราบมาแล้วอย่างต่อเนื่องหลายครั้งให้มาช่วยผลักดันออกไป แต่ที่แปลกใจมากคือพฤติกรรมของช้างกลุ่มนี้ไม่ใช่ช้างที่มีนิสัยดุร้าย ไม่มีท่าทีปรี่ตรงเข้ารื้อทำลายบ้านเรือนชาวบ้าน หรือทำร้ายคน และยังสามารถฟังเสียงภาษาคนที่พูดไล่ เมื่อฉายไฟแล้วบอกให้ออกไปๆ เขาก็จะออกไปแต่โดยดี
ที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ครั้งหนึ่งได้มีคนเข้ามาช่วยไล่ช้างออกจากหมู่บ้าน และพูดภาษาอีสาน จะเห็นว่าช้างที่เข้ามาในหมู่บ้านนั้นเชื่อฟังและทำตามคำสั่งคนที่มาช่วยไล่ช้างที่พูดภาษาอีสานและยอมทำตามคำสั่งทุกอย่าง จึงเชื่อว่าช้างสวนป่าลาดกระทิงกลุ่มนี้น่าจะเป็นช้างเลี้ยงที่ถูกนำมาปล่อยทิ้งจาก จ.สุรินทร์ มากกว่าที่จะเป็นช้างจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ที่มีนิสัยดุร้ายกว่ามาก
ทั้งนี้เนื่องจากตนมีญาติที่มีบ้านเรือนอยู่ที่บ้านอ่างเสือดำ ใกล้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ช้างป่าที่นั่นจะรื้อบ้านเรือนชาวบ้าน และมักจะปรี่ตรงเข้าหาคนหากประจันหน้ากัน กลัวเสียงประทัดและแสงไฟ แต่ช้างสวนป่าลาดกระทิงกลับไม่กลัวเสียงประทัด และยังมายืนสงบนิ่งแบบเรียบร้อยอยู่ริมถนนไม่ห่างคน แต่จะโมโหเวลาคนจุดประทัดใส่ และจะเล่นกับแสงไฟตามท้องถนน และบ้านเรือนของชาวบ้านที่เปิดทิ้งไว้
นอกจากนี้พฤติกรรมการเดินข้ามถนนยังมีการเดินลักษณะจูงกันไปเป็นแถวแบบคนโดยมีช้างตัวใหญ่ขึ้นมาคอยยืนขวางถนนเป็นสัญญาณเตือน ช่วยกันเส้นทางไว้ให้ ไม่ได้เดินข้ามถนนทีเดียวเป็นฝูงจำนวนมากแบบช้างป่าอีกด้วย
ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น สาเหตุเกิดจากสภาพถนนแคบเพราะเป็นเส้นทางสวนกัน และตามขอบไหล่ทางยังมีหญ้าขึ้นรกปกคลุมตลอดเส้นทาง พอช้างก้าวขึ้นสู่ถนนก็ถูกรถชนแล้ว เพราะคนขับรถมองไม่หรือเห็นในระยะกระชั้นชิด เนื่องจากช้างตัวใหญ่ เมื่อก้าวขึ้นถนนเพียงก้าวเดียวก็โผล่ออกมาถึงกึ่งกลางถนนแล้ว
จากเหตุการณ์รถตู้ชนช้างสวนป่าลาดกระทิงในครั้งนี้ ชาวบ้านก็รู้สึกสงสารทั้งคนทั้งช้าง เพราะต้องอยู่ด้วยกันอย่างอันตราย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ปรับสภาพพื้นที่บริเวณข้างทางให้โล่งเตียน หรือหาทางผลักดันนำช้างออกไปจากพื้นที่
>> รถตู้คณะทำบุญพุ่งชนช้างป่าตัดหน้าขึ้นมาบนถนน ดับคาซาก 2 ศพ เจ็บระนาว
>> คนเจ็บเล่านาทีระทึก! ช้างป่าตัดหน้ารถตู้คณะกฐิน เชื่อรอดเพราะบารมีหลวงพ่อโสธร
>> โศกนาฏกรรมซ้ำซาก "ช้างป่าลาดกระทิง" หลังมีรถยนต์พุ่งชนเจ็บอีกตัว
ด้าน นางสมถวิล ตรีชัยศรี อายุ 62 ปี กล่าวว่า ช้างที่อยู่ในสวนป่าลาดกระทิงไม่ได้ดุร้าย แต่มีนิสัยเชื่องมาก ส่วนการที่ชาวบ้านอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ผลักดันออกไปเพราะเขาเข้ามาหากินในพื้นสวนทำให้พืชผลเสียหาย ทั้งไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง และไร่สับปะรดของชาวบ้าน ทั้งยังหักต้นกล้วย ต้นยางพารา และมะพร้าวทิ้ง จนชาวบ้านทำกินบนที่ดินทำกินไม่ได้เลย
แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับบอกแต่เพียงว่าให้ชาวบ้านอยู่ร่วมกันกับช้างให้ได้ ซึ่งหากพืชสวนไร่มันถูกช้างเข้ามากินเสียหายแล้วทางหน่วยงานราชการยอมชดใช้ หรือจ่ายค่าชดเชยทดแทนให้พวกเราก็จะไม่ว่าอะไร เพราะก็สงสารช้างอยู่เหมือนกันที่ถูกเอามาปล่อยทิ้ง และไม่ได้ดุร้าย
เพียงแต่ชาวบ้านก็ไม่อยากเข้าใกล้ ได้แต่ฉายไฟบอกให้เขาออกไปจากบ้านเท่านั้น แต่เขาก็ออกไปเพราะเขาฟังเรารู้เรื่อง และเมื่อออกจากบ้านเราไปแล้วเขาก็ไปเข้าบ้านของคนอื่นต่อเรื่อยไป