ต่างด้าวลอบทำงานเต็มเมือง “บิ๊กโจ๊ก” นำจับ พร้อมยึดสินค้าละเมิดฯ กว่า 12 ล้านบาท

บุกตรวจค้นอาคารเสือป่าพลาซ่า จับแรงงานต่างด้าว 22 ราย ยึดสินค้าละเมิดทรัพย์สินฯอุปกรณ์มือถือ กว่า 6 หมื่นชิ้น ค่ากว่า 12 ล้าน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมแหล่งจำหน่ายและเก็บสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาคารเสือป่าพลาซ่า บริเวณชั้น 1-3 เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือแบบปลีก และมีแรงงานต่างด้าวลักลอบจำหน่ายสินค้าอยู่จำนวนมากจริง จึงได้ร่วมกันตรวจสอบร้านค้า จำนวน 90 ร้าน พบการกระทำความผิดจำนวน 18 ร้าน จับกุมนายจ้าง(คนไทย) 1 คน โดยกล่าวหาว่า “รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต”จับกุมแรงงานต่างด้าว 22 คน (สัญชาติจีน 7 คน, กัมพูชา 12 คน, เมียนมา 2 คน และ คนต่างด้าวไม่มีสัญชาติ (คนพื้นที่สูง 1คน) โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย” ในส่วนเจ้าของร้านที่เหลืออีก 17 ร้าน จะดำเนินการสอบสวนขยายผลออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ในส่วนบริเวณชั้น 6 อาคารเสือป่าพลาซ่า เป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือแบบขายส่ง และเป็นล็อคเก็บสินค้า พบว่ามีการวางจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอยู่จำนวนมาก พบ Mrs.ZHENG หรือ นางเจิ้น สัญชาติจีน ขณะจำหน่ายสินค้าอยู่ในร้านไม่มีชื่อล็อค M11-M13 ต่อมามี นายเอกวิทย์ มาแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน จึงได้ตรวจยึดสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วในราชอาณาจักร, สินค้าที่ไม่แสดงฉลาก และ สินค้าที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ซึ่งมี มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 12 ล้านบาทอาทิ ตรวจยึดสินค้า อะไหล่จอสัมผัสโทรศัพท์มือถือ หูฟัง ฝาหลังโทรศัพท์มือถือ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ ยี่ห้อ Samsung, หูฟัง และสินค้าอื่นๆรวมกว่า 60,000 ชิ้น จึงดำเนินคดี นายเอกวิทย์ และนางเจิ้น ในฐานความผิด นำของต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ/นำของที่ไม่ผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร(หรือของลักลอบหนีศุลกากร)/รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตและข้อหาอื่นๆรวม6ข้อหา

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังได้ฝากไปยังผู้ที่ยังดำเนินการผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพ ต่างจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ๆ หรือการประกาศขายทางออนไลน์เจ้าหน้าที่จะดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ขยายผลถึงนายทุน ตลอดจนใช้มาตราการยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯซึ่งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน เพื่อให้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายการค้าของประเทศไทยหมดไป