คุณยายมือนวดช็อก ไม่ยอมกินข้าว-พูดกับใคร หลังหนุ่มโฟร์แมนสิ้นใจคาร้าน

คุณยายมือนวดช็อก ไม่ยอมกินข้าว-พูดกับใคร หลังหนุ่มโฟร์แมนสิ้นใจคาร้าน

คุณยายมือนวดช็อก ไม่ยอมกินข้าว-พูดกับใคร หลังหนุ่มโฟร์แมนสิ้นใจคาร้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ภรรยาพร้อมเพื่อนสาวเปิดแถลงข่าวกรณีโฟร์แมนมานวดที่พัทยาแล้วเสียชีวิต ด้าน หลานสาวคุณยายมือนวดวัย 72 ปี เปิดใจ หลังเกิดเหตุคุณยายเก็เสียใจจนไม่ยอมกินข้าวและพูดจากับใคร

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์คลิปวีดีโอเหตุการณ์ชายคนหนึ่ง ไปนวดแผนไทยที่ร้านนวดแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี จากนั้นมีอาการแน่นหน้าอก หายใจติดขัด พนักงานนวดในร้านจึงช่วยพาออกมาหน้าร้าน และพยายามช่วยชีวิต ก่อนนำส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (4 พ.ย.) น.ส.พรรธน์นภา อายุ 37 ปี ผู้โพสต์เฟสบุ๊ก และเป็นเพื่อนผู้ที่ไปนวดแล้วเสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายสมบัติ อายุ 37 ปี ได้พา น.ส.จันทร์ดา อายุ 32 ปี ชาวสกลนคร ภรรยาของนายสมบัติ เดินทางมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซอยเกษตรสิน 5 บนเขาพระตำหนักเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อเปิดแถลงข่าวชี้แจงเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชน พร้อมกับนำใบมรณะบัตรมาแสดง ซึ่งระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า "ลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด"

โดย น.ส.จันทร์ดา ภรรยาของนายสมบัติ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ปกติสามีมีอาชีพเป็นโฟร์แมนอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันหยุด ตนกับสามีพร้อมครอบครัว ได้เดินทางมาท่องเที่ยวที่ตลาดน้ำ และเข้าไปในหมู่บ้านวิถีไทย พบหญิงชราคนหนึ่งเป็นหมอนวดอยู่ในหมู่บ้าน

พอเห็นสามีเดินกะเผลกมาจึงถามว่าเป็นอะไรมา สามีจึงบอกว่าเตะบอลมาเลยทำให้กล้ามเนื้อเข่าอักเสบ คุณยายคนดังกล่าวจึงบอกว่า สามารถนวดให้ได้ เพราะเคยนวดคนอื่นแล้วหายมาหลายคนแล้ว ปกติสามีชอบนวดอยู่แล้วจึงตกลงให้คุณยายนวดประคบให้

แต่พอผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง สามีบอกว่าเจ็บหน้าอกหายใจไม่ออกและบอกให้เรียกรถพยาบาล พร้อมกับบอกให้คุณยายเลิกนวดเพราะเจ็บลิ้นปี่ ด้วยความตกใจตนจึงเรียกคนให้ช่วย และมีพลเมืองดีมาช่วยกันปั๊มหัวใจหลายคน ก่อนนำตัวส่ง รพ.กรุงเทพพัทยา และส่งรักษาต่อที่ รพ.ชลบุรี กระทั่งวันที่ 18 ต.ค.จึงสามีเสียชีวิต

น.ส.จันทร์ดา กล่าวอีกว่า ภายหลังสามีเสียชีวิตและทาง น.ส.พรรธน์นภา ได้โพสต์เรื่องราวดังกล่าวลงเฟซบุ๊กจนกลายเป็นข่าว จึงได้รับการติดต่อจากทนายความของทางตลาดน้ำ ว่าจะช่วยค่าทำศพเป็นเงินจำนวน 40,000 บาท และเสนอที่ทำมาหากินที่ตลาดน้ำ แต่ตนคิดว่าชีวิตคนทั้งคน มันน่าจะมีการช่วยเหลืออะไรมากกว่านี้

อีกทั้งหลังจากสามีซึ่งเป็นเสาหลัก ได้เสียชีวิตไป ทำให้ตนต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกสาว 2 คน (คนโต 11 ขวบ คนเล็ก 3 ขวบ) ส่วนค่ารักษาพยาบาลในตอนแรกมียอดประมาณ 400,000 บาท แต่ภายหลังได้รับการช่วยเหลือให้เป็นกรณีผู้ป่วยฉุกเฉิน และใช้สิทธิ์ประกันสังคมจึงทำให้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

น.ส.จันทร์ดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลังเกิดเหตุตนไม่ได้เข้าแจ้งความเอาผิดอะไรกับหมอนวดและเจ้าของสถานที่ แต่อยากให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และแสดงความรับผิดชอบให้เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ จากนี้ไปตนยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิต เพราะปกติตนเองก็เป็นเพียงแม่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร

ด้าน น.ส.พรรธน์นภา เพื่อนผู้ตายและเป็นคนโพสต์เฟซบุ๊ก กล่าวว่า สาเหตุที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้ต้องการโจมตีผู้ใดให้เสียหาย และไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไร แต่อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ และอยากให้เป็นกรณีศึกษา เพราะจากการพูดคุยกับแพทย์ระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตเนื่องจากลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด หากมีการกดทับบริเวณที่เจ็บ จะทำให้ลิ่มเลือดกระจายตัวไปทิ่มปอดทำให้เสียชีวิตได้

ต่อมา น.ส.จันทร์ดา ภรรยาผู้ตาย ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่หมู่บ้านวิถีไทย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ตายเข้าไปนวด ตั้งอยู่ติดกับตลาดน้ำ พบว่าด้านในมีการจำลองหมู่บ้านตามแบบวิถีไทย โดยสถานที่ที่ผู้ตายเข้าไปนวดเปิดเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกและสมุนไพร ไม่ได้เปิดเป็นร้านนวดแผนโบราณแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ น.ส.จันทร์สุดา เข้าไปด้านใน เจ้าตัวถึงกับปล่อยโฮร้องไห้ออกมา จน น.ส.พรรธน์นภา เพื่อนผู้ตายที่มาด้วย ต้องเข้ามาปลอบใจและพาออกไปด้านนอก

ซึ่งในเวลาต่อมา น.ส.พัชญ์สินี อายุ 27 ปี พนักงานของตลาดน้ำ และเป็นหลานสาวของนางสะขาว อายุ 72 ปี คุณยายที่ลงมือนวดประคบให้กับผู้ตาย ได้เดินทางมาพบผู้สื่อข่าว พร้อมกับกล่าวว่า ปกติสถานที่แห่งนี้เป็นของเอกชนรายหนึ่งที่มาเช่าสถานที่ของตลาดน้ำดำเนินธุรกิจ ไม่ได้เป็นของตลาดน้ำแต่อย่างใด เนื่องจากคุณยายอยู่บ้านคนเดียว

ตนเกรงว่าคุณยายจะเหงา เลยพามาฝากให้ทำงานเล็กๆ น้อยๆ ที่หมู่บ้านวิถีไทย แบบไม่มีเงินเดือน คอยทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าและแนะนำผลิตภัณฑ์สินค้าภายในร้าน และสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์ ซึ่งจริงๆ แล้วคุณยายของตนไม่ได้มีอาชีพเป็นหมอนวดแต่อย่างใด

น.ส.พัชญ์สินี กล่าวอีกว่า เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นคุณยายเล่าให้ฟังว่า ในวันเกิดเหตุได้ใช้ลูกประคบสมุนไพรประคบที่ขาของผู้ตาย และใช้น้ำมันทาเท่านั้น ไม่ได้ลงมือบีบนวดร่างกาย หลังเกิดเหตุในช่วง 1-2 วันแรก คุณยายรู้สึกเสียใจจนความดันขึ้น และไม่ยอมทานอาหาร ตนเองก็ได้แต่ปลอบใจ และบอกให้คุณยายมาทำงานตามปกติเพราะเกรงจะคิดมาก

กระทั่งมีการนำคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวไปลงในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค และมีพนักงาน ในร้านเดียวกัน นำมาพูดในเชิงลักษณะไม่ดี ทำให้คุณยายเกิดความเสียใจเป็นอย่างมาก จนปัจจุบันไม่ยอมพูดกับใคร และไม่อยากรับประทานอาหาร เอาแต่เก็บตัวเงียบ

ตนเองในฐานะหลานสาว และตัวคุณยายเองก็รู้สึก เห็นใจสูญเสีย แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิด เหตุการณ์นี้ขึ้น หากจะไปโทษสถานที่ก็คงไม่ถูกนัก เพราะตนเป็นคนนำคุณยายมาฝากให้ทำงาน โดยส่วนตัวก็รู้สึกผิด และคุณยายเองก็รู้สึกเสียใจ จนไม่ยอมทานอาหารและพูดจากับใคร หากคุณยายเป็นอะไรไป ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน

>> นวดแล้วตายเป็นไปได้ยาก น้องเผยพี่ชักเกร็งก่อนสิ้นใจ แพทย์ชี้ลิ่มเลือดอุดตัน

>> เช็คก่อนนวด! 10 อาการอันตราย ห้ามไปนวดเด็ดขาด

>> "ไม่ควรนวด" หากปวดเมื่อยจากการบาดเจ็บ กรมการแพทย์แนะให้พบแพทย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook