หนุ่มขายยาสมุนไพรช็อก "หัวใจวาย" เปลือยกายล่อนจ้อนดับคาห้องนอน

วันที่ 4 พ.ย. 61 ร.ต.อ.ประเทือง น้ำดอกไม้ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งมีคนเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 49 หมู่ 1 บ้านพลูหลวง ซอย 12 ต.พิหารแดง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวภายในห้องนอนพบศพนายธนิตศักดิ์ ธนสิทธิ์มณีกุล อายุ 52 ปีเจ้าของบ้านนอนหงายสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ข้างเตียงนอน สภาพศพขึ้นอืด ตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบบาดแผลถูกทำร้ายและร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วกว่า 24 ชม. ภายในบ้านพบเสื้อผ้าของใช้ของผู้ตายและยาสมุนไพรบรรจุขวดแก้ววางอยู่พร้อมเอกสารต่างๆ ของผู้ตายวางกระจายเกลื่อนพื้น

จากการสอบถามนายบุญส่ง พ่วงพันธ์ อายุ 63 ปี พี่ชายผู้ตายเล่าว่าผู้ตายขายยาสมุนไพร ขายส่งแคบหมู และแหนม เป็นคนขยันทำมาหากิน เป็นคนพูดเก่ง อารมณ์ดี มีภรรยาเยอะถึง 12 คน โดยผู้ตายจะเดินทางไปกลับบ้านเกือบทุกวันและเมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมาผู้ตายมีอาการเจ็บที่ชายโครงขวา แน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก ตนจึงพาไปหาหมอตรวจร่างกายและเอกซเรย์ หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากพร้อมกับอนุญาตให้กลับบ้าน

ผู้ตายก็ไปทำงานตามปกติ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือวันที่ 1 พ.ย. และไม่มีใครเห็นผู้ตายอีก กระทั่งวันนี้ภรรยาของผู้ตายที่อยู่ประเทศลาว ได้โทรศัพท์มาสอบถามอาการของผู้ตายกับพี่สาวซึ่งอยู่บ้านติดกันจึงเดินไปเปิดประตู เพื่อเข้าไปดูแต่ประตูล็อกจึงพยายามเคาะประตูเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงช่วยกันงัดประตูเข้าไปดูก็พบว่าเสียชีวิตแล้วจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ทางด้านนายจักรินทร์ พ่วงพันธ์ อายุ 30 ปีบุตรชายผู้ตายเล่าว่าตนเป็นลูกชายคนที่สองแม่รอง อยู่บ้านใกล้กันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากพ่อกลับบ้านไม่เป็นเวลา ส่วนตนก็ทำงานกลับบ้านไม่เป็นเวลา ส่วนมากเวลามีปัญหาอะไรพ่อมักจะคุยกับลูกสาวต่างมารดา ซึ่งทำงานอยู่ที่กรุงเทพ กระทั่งวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันที่พบหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต

โดยก่อนหน้านี้พ่อเคยบ่นให้ฟังว่าไม่ค่อยสบายเจ็บชายโครงและแน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก ลุงบุญส่งพี่ชายพ่อจึงอาสาพาไปหาหมอเนื่องจากตนไม่มีเวลาพาไปต้องทำงาน ส่วนข้าวปลาอาหารทางลุงกับป้า ซึ่งอยู่บ้านติดกันก็จะช่วยดูแล กระทั่งมาเสียชีวิตดังกล่าว

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่าหัวใจวายเฉียบพลัน เนื่องจากผู้ตายมีอาการแน่นหน้าอกประกอบกับอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นเหตุให้เสียชีวิตหลังจากเจ้าหน้าที่ชันสูตรอย่างละเอียดแล้วญาติไม่ติดใจจึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป