"อาม ชุติมา" กราบ "ประจักษ์ชัย" เคลียร์ใจต่อหน้าสื่อ ยุติมหากาพย์ไหทองคำ
จากกรณีปมการขัดแย้งเรื่องสัญญาระหว่าง อาม-ชุติมา โสดาภักดิ์ นักร้องผู้แต่งเพลง ผู้สาวขาเลาะ กับ นายประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ เจ้าของค่ายเพลงไหทองคำ ที่ก่อนหน้านี้ต่างฝ่ายต่างเคลียร์กันไม่ลงตัว จนทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
ล่าสุดช่วงเช้าของวันนี้ (5 พ.ย.) ทุกอย่างเรียกว่าจบลงด้วยดีแล้ว เมื่อ อาม ชุติมา และ นายห้างประจักษ์ พร้อมด้วย ทนายบุญถาวร นดา, อาม ชุติมา , ทนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และทนาย สงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อเคลียร์ใจให้สื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน โดยได้เผยถึงข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งแบ่งออกเป็น 9 ข้อด้วยกัน ดังนี้
สงกรานต์ : "สืบเนื่องจากน้องอามได้มายื่นเรื่องที่ช่อง 3 ในรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เป็นจุดเริ่มต้น แล้วอามก็ไปร้องกับผม เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ต่อมาผมมีหนังสือไปถึงคุณประจักษ์ มาดูเอกสารหลักฐานในการบอกเลิกสัญญา หลังจากนั้นทนายความของคุณประจักษ์ได้ยื่นหนังสือตอบกลับมาในการโต้แย้งในการบอกเลิกสัญญา เมื่อทางทีมกฎหมายของคุณประจักษ์ตอบโต้กลับมาเราก็เชิญทางน้องอามและครองครัวมาที่สำนักงานเพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีการโต้แย้งสิทธิ์กันเกิดขึ้น ต้องใช้สิทธิ์ทางศาล"
"แต่สิ่งที่เราได้จากน้องอามก็คือ หนูฟ้องอาจารย์ไม่ได้ เขาบอกว่าเขารักอาจารย์ จะยังไม่ฟ้องอะไรสิ้น หวังว่าสักวันนึงอาจารย์ประจักษ์จะเมตตาเขา นี่คือคำพูดของน้องอามที่บอกกับผมในวันที่ได้สำนักงานเพื่อแจ้งเรื่องของการโต้แย้งสิทธิ์ หลังจากนั้นแล้วเราก็ทำตามประสงค์ของน้องอามและคุณแม่ คือไม่สามารถฟ้องอาจารย์ของตัวเองได้ จนเหตุการณ์มันเริ่มบานปลาย ด้วยความโชคดีที่น้องอามได้ทนายอัจฉริยะมาช่วยประสานงานในส่วนต่างๆ แล้วก็มีโอกาสพูดคุยกัน ก่อนหน้านี้ที่ได้มีโอกาสพูดคุยต่างฝ่ายต่างรู้สึกหวาดกลัว จนมีเรื่องฟ้องร้องซึ่งนำไปสู่คดีสู่ศาล ต่อมาก็มีความพยายามหาจุดยุติ เราก็ได้พูดคุยกันโดยมีคุณกรรชัยร่วมประสานงานว่าทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายเข้าใจกัน น้องอามจะขอความเมตตาจากอาจารย์ประจักษ์เรื่องสัญญาไม่เป็นธรรมได้อย่างไร"
"จนกระทั่งได้ข้อยุติ สัญญาที่มีขึ้นก็มีการปรับแก้ไขใหม่โดยการยกเลิกสัญญาทั้งหมดแล้วทำขึ้นมาใหม่ด้วยความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย คดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่าง ทำอย่างไรถ้าเราเป็นนักร้อง ศิลปิน นักแสดงในยุคนี้จะทำอย่างไร แต่โชคดีที่ในคดีนี้อาจารย์ประจักษ์ได้เมตตาน้องอาม เรื่องถึงยุติลงได้ด้วยดี"
อาม : "ตอนนั้นที่ยังไม่ฟ้องอาจารย์เพราะว่าเราก็ยังรอโอกาสจากอาจารย์ เรายังเคารพอาจารย์อยู่"
ทนายอัจฉริยะ : "วันนี้ผมในฐานะที่เป็นตัวแทนที่ปรึกษาของน้องอามได้ประสานกับคุณประจักษ์ โดยผ่านทนายบุญถาวร วันนี้เราได้มีการทำสัญญาศิลปินและเพลงลิขสิทธิ์ เป็นการทำสัญญาระหว่าง น้องอามและอาจารย์ประจักษ์ ที่เป็นคู่สัญญาของทั้งสองฝ่าย โดยมีข้อตกลงดังต่อไปนี้"
"ข้อ 1 ทั้งสองฝ่ายตกลงยกเลิกสัญญาจ้างศิลปิน นักร้องฉบับวันที่ 13 พ.ค. 2559 โดยทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกันว่าเมื่อยกเลิกสัญญาต่อกันแล้วผลประโยชน์และค่าตอบแทนต่างๆ ในการร้องเพลง เล่นดนตรีตามงานที่เกี่ยวกับเพลง หรืองานเกี่ยวกับการแสดงของน้องอาม ให้ถือเป็นของน้องอามแต่เพียงฝ่ายเดียว"
"ข้อ 2 เมื่อยกเลิกสัญญาต่อกันแล้ว การแสดงคอนเสิร์ตของ อาม ชุติมา จะต้องไม่เอาสัญญาลักษณ์หรือนำลิขสิทธิ์ในความเป็นตัวตนของค่ายเพลงไหทองคำไปใช้ในการแสดงและการสนับสนุนทางผลประโยชน์"
"ข้อ 3 น้องอาม ชุติมา ให้การยอมรับว่าคุณประจักษ์ชัยเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงผู้สาวขาเลาะ อดีตเคยพัง และภาพเก่า อาม ชุติมา ให้การยอมรับว่านายประจักษ์ชัย เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลง ผู้สาวขาเลาะ อดีตเคยพัง และเพลงภาพเก่า ตามฉบับสัญญาลิขสิทธิ์วันที่ 20 ม.ค. 2560 ซึ่งมี 3 เพลง โดยถูกต้องและสมบูรณ์ชอบด้วยกฎหมาย และน้องอามจะไม่ใช้สิทธิ์โต้แย้งลิขสิทธิ์ทั้ง 3 เพลงดังกล่าวขั้นต้น โดยมีกำหนดระยะเวลา 9 ปี นับตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาฉบับนี้เป็นต้นไป เนื่องจากกฎหมายลิขสิทธิ์เพลงหากไม่มีการลงระยะเวลาจะมีเวลาลิขสิทธิ์ 10 ปี และเนื่องจาก ประจักษ์ชัยใช้ไปแล้ว 1 ปี จึงเหลือสัญญาอีก 9 ปี"
"ข้อ 4 คุณประจักษ์ชัยยินยอมให้น้องอามร้องเพลงทั้ง 3 เพลงนี้ได้ โดยได้รับค่าตอบแทนจากผู้อื่นได้ ยกเว้นน้องอามจะไปออกเทปใหม่ อันนี้ไม่ได้ ต้องได้รับความยินยอมจากคุณประจักษ์ชัยก่อน โดยสามารถร้องเพลงทั้ง 3 เพลงนี้ได้นะครับ"
"ข้อ 5 ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า เมื่อครบกำหนดเวลาลิขสิทธิ์เพลงจำนวน 9 ปีสิ้นสุดลง ลิขสิทธิ์บทเพลงทั้ง 3 จะตกเป็นสิทธิ์ของ อาม ชุติมา แต่เพียงผู้เดียวดังเดิม"
"ข้อ 6 หากคุณประจักษ์ชัยจะจำหน่ายหรือโอนสิทธิ์ผลงานทั้ง 3 เพลงให้บุคคลภายนอก ให้ถือสัญญาฉบับนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการโอนสิทธิ์เพลงให้กับผู้อื่นได้ด้วย ซึ่งน้องอามจะต้องรับรู้และถือว่าสัญญาฉบับนี้มีผลตามกฎหมายเช่นกัน"
"ข้อ 7 คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงที่จะไม่ติดใจดำเนินคดีต่อกัน ในกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการยื่นฟ้องทั้งทางแพ่ง และอาญาในปัจจุบัน โดยจะต้องไปทำการถอนฟ้องทั้งหมด ภายใน 7 วันนับตั้งแต่มีการทำสัญญาฉบับนี้ และไม่ติดใจที่จะใช้สิทธิ์เรียกร้องใดๆ ต่อกันต่อไป ในกรณีที่คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายไม่ผิดตามสัญญาฉบับนี้"
"ข้อ 8 ทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำสัญญาต่อกันว่าจะไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียง เกียรติยศ ซึ่งกันและกัน"
"ข้อ 9 ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันว่า หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดนัดและละเมิดข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม อันไม่อาจตกลงกันได้ด้วยดี คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้นำข้อพิพาทดังกล่าวมอบหมายให้ทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์, ทนายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ และ ทนาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ร่วมกันตีความวินิจฉัยข้อกฎหมาย ข้อขัดแย้ง ข้อพิพาท เพื่อหาทางยุติที่เกิดขึ้น"
"ทั้งหมดคือข้อตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนี้คุณประจักษ์ชัยฉีกสัญญาเพื่อให้น้องอามเป็นศิลปินอิสระ 100 เปอร์เซ็นต์"
ประจักษ์ชัย : "ประเด็นข่าวที่ผ่านมา ในวงการเพลงต่างเป็นห่วง ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆ ทีมงานทุกท่านที่ให้มีวันนี้เกิดขึ้นด้วยระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา ตอนนี้เป็นความรู้สึกที่สบายใจกับทั้งทางค่ายและทางน้องอามด้วย จริงๆ เราไม่เคยปิดกั้น เรารอน้อง เราก็มีเจตนาที่ไม่อยากฟ้อง ไม่อยากให้เป็นประเด็นถึงขนาดนี้ แต่ด้วยความที่ว่าเกมมันไหลมา ทุกคนก็ต้องปกป้องสิทธิ์ในข้อกฎหมายและไปสู้กันในเชิงคดี ที่จริงมาถึงวันนี้ได้ก็ตัดต้องขอบพระคุณรายการของพี่หนุ่ม กรรชัย, นายกสมาคมเพลง และได้มีการพูดคุยครั้งแรกกับพี่อัจฉริยะโดยผ่านพี่น้ำฝน ทุกอย่างก็เริ่มผ่อนคลาย เราได้มีการพูดคุยกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ต้องกราบขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่าน ทุกคนในทุกวงการที่ให้ความสนใจ ต่อจากนี้จะเป็นการฉีกสัญญา"
"ถามว่าเรารู้สึกเสียดายไหม ในความรู้สึกที่เราเป็นคนสร้าง คนปั้นน้อง ในวันที่น้องเข้ามาร่วมงานกับเรา ทั้งพ่อ ทั้งแม่ของน้องมากันครบ ตอนนั้นดีใจครับ และสิ่งที่ผมอยากจะพิสูจน์ต่อจากนี้คือความเป็นครู ความเป็นอาจารย์ ความเป็นลูกพี่วันที่ผมเรียกน้องมาวันแรกก็ลำบากลำบนกันมา 2 ปีกว่า ทุกเหตุการณ์มันเด้งขึ้นมาหน้าเฟสเมื่อย้อนหลังไป 2 ปีที่แล้ว เราดีใจเราสร้างกันมาวันนี้ด้วยวาสนาด้วยบุญมี แค่นี้เรายังรักกัน ได้ยังกินข้าวกัน น้องยังเป็นคนที่เรารัก"
"ผมคิดว่าได้มีโอกาสร่วมงานกันไม่อยากจะใช้บรรยากาศของการทะเลาะเบาะแว้งให้แฟนคลับมาด่าทอกัน เราไม่อยากให้แฟนเพลงที่เราสร้างกันมาด้วยกันทั้งแฟนคลับน้องอาม ไหทองคำ แฟนคลับลำไย สวรรค์ให้เรามาเจอกัน 3 คน แต่สิ่งที่ผมเป็นคนกล้าคิดกล้าทำอะไรบ้าบ้าบอบอ"
"ผมอาจจะเป็นนายห้างในยุคโซเชียลเบ่งบานและอาจจะเป็นบทเรียนราคาแพงผมถึงต้องเป็นนายห้างคนสุดท้ายที่โดนด่าทอมากมาย ต้องกลืนเลือดสักวันหนึ่งทุกคนจะเข้าใจฝากไว้ว่ายังรักน้องอาม ยังให้ความเมตตาเรื่องที่ผ่านมาให้ผ่านไปไม่มีใครรู้เท่าประจักษ์ชัย"
เหตุผลที่ยกเลิกสัญญาน้องเพราะอะไรที่ผ่านมาเหมือนเราก็ไม่ยอม ?
ประจักษ์ชัย : "เหตุผลจริงๆ ก็กลับมาทบทวนความโมโหโทโสโทสะด้วยการเข้าวัดบ่อยๆ ก็มีสติ ถ้าทุกคนมีความอาฆาตมาดร้ายในสังคมจะวุ่นวาย ในสังคมผมไม่ได้มีบาดแผลอะไร ตรวจสอบทรัพย์สินผมได้มีหนี้เยอะ กว่าจะถึงวันนี้ได้ก็เป็นชาวไร่ชาวนา คิดถึงอย่างเดียวคือเรื่องความดี มีพระมาเตือนมาสอนมาบอก มีพี่ในวงการผมอยู่ในวงการเพลงก็ต้องฟังผม ต้องเดินต่อ น้องอามก็ต้องเดินต่อ ทุกคนต้องทำงาน ดังแล้วก็ต้องทำงานก็ต้องหาชื่อเสียง ต้องหาเงินต้องหารายได้เพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว สู้กันไปก็ไม่มีประโยชน์ ถามว่าอามชนะ ประจักษ์ชนะ ใครจะได้อะไรเจ็บปวดทั้งคู่ ผมยอมให้สังคมบอกเป็นสัญญาทาสไม่มี รักกัน"
ทนายสงกรานต์ : "ต้องเรียนสื่อมวลชนนะครับว่าน้องอามต้องช่วยงานอาจารย์ประจักษ์ชัยอยู่เดือนละประมาณ 5 คิว"
ทนายบุญถาวร : "ไม่อยากให้เรียกว่าฉีกสัญญาถ้าเป็นการสมัครใจของทั้งสองฝ่ายมากกว่า ประเด็นที่ผมได้รับมอบหมายจากค่ายไหทองคำยื่นฟ้องเพราะว่าเนื่องจากข้อสัญญาขัดแย้งเรื่องข้อสัญญาที่เกิดขึ้น มีการตีความไปหลากหลายทำให้นักกฎหมายประเทศไทยมีความสนใจเรื่องคดีนี้อย่างมาก ผมในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่งมีทางเดียวที่จะทำให้คดีนี้ยุติได้อันนั้นคือต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อชี้ว่าสัญญาเป็นธรรมไม่เป็นธรรม เราจะไม่กลับไปจุดนั้นว่าเป็นธรรมหรือไม่"
"วันนี้อยากเรียนพี่น้องสื่อมวลชนว่า ทุกคนอยู่ในสื่อ สัญญาต้องเป็นสัญญา เมื่อทางคุณประจักษ์ชัยเพื่อนรักผมกับน้องอามเกิดข้อพิพาทกัน สุดท้ายสามารถคุยกันได้ การมาช่วยเพื่อนรักผมลำบากใจมากในฐานะนักกฎหมายคนหนึ่ง แต่เพื่อให้สังคมเดินหน้าไปได้อาจไม่ถูกต้องแต่อาจถูกใจคนทั้งประเทศ ผมยอมได้ก็เป็นเรื่องที่ดีที่น้องอามเป็นคนบ้านเดียวกับผม อาจจะติดตามการไลฟ์สดของผม อยากให้สังคมสงบสุขสิ่งที่สำคัญคือไม่อยากเอาคดีนี้เป็นตัวอย่างการยกเลิกสัญญา อยากให้มองว่าสัญญามีความถูกต้องและชอบธรรมด้วยกฎหมาย แต่เป็นกรณีการอยู่ด้วยกันแล้วไม่สมัครใจที่จะอยู่ต่อไปเป็นกรณีว่าคู่สัญญาทั้งสองมาพูดคุยกัน มาตกลงกันเรื่องความยินยอม วันนี้ต้องขอบคุณทุกท่านนะครับ ไม่อยากให้คดีนี้ยืดเยื้อออกไป ก็ถูกใจพี่น้องประชาชน ไม่อยากปล่อยไปให้เกิดความเสียหายกับทั้งสองฝ่าย"
อามต้องไปช่วยงาน 5 คิวอันนี้อยู่ในสัญญาหรือว่าอย่างไร ?
ทนายอัจฉริยะ : "เป็นเรื่องของธุรกิจครับ คุณประจักษ์ชัยก็ต้องจ่ายค่าจ้างตามเรตราคาของน้องอาม เช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่า คุณประจักษ์ชัยติดต่อน้องอามไปแสดง เป็นเรื่องของธุรกิจ ต้องจ่ายค่าตอบแทน เหมือนการทำธุรกิจร่วมกัน แต่เนื่องจากว่า เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันมาก่อน ตรงนี้เราก็เลยให้น้องอาม เป็นคนตัดสินใจและเดี๋ยวให้น้องอามอธิบายได้ ตรงนี้คือไม่ได้เป็นสัญญา แต่เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสัญญาทางใจ ที่เป็นลักษณะตอบแทนบุญคุณให้อาจารย์ประจักษ์ชัยด้วย"
ทนายบุญถาวร : "2 ปี 7 เดือน นับจากวันนี้เป็นต้นไปจนเลิกสัญญาน้องอาม ก็จะไม่สังกัดค่ายอื่นหรือค่ายใดครับ ก็จะเป็นอิสระ หลังจากผ่านพ้น 2 ปี 7 เดือนไปแล้ว น้องอาม-ชุติมา ถึงจะพิจารณาไปสังกัดค่ายเพลงอื่น หรือค่ายเพลงของตัวเองเดี๋ยวให้น้องอามคุยกับพี่น้องประชาชนเองครับ"
อาม : "ยืนยันคำเดิมว่าหนูอยากได้อิสรภาพค่ะ ในสัญญา 2 ปี 7 เดือน หลังจากวันนี้เป็นต้นไปก็ยืนยันคำเดิมค่ะว่าจะไม่เซ็นสัญญากับค่ายอื่นๆ ค่ะ แล้วก็แต่ละเดือน เดือนละ 5 คิว หนูก็จะทำงานร่วมกับทางอาจารย์นะคะ"
เรื่องค่าจ้างตกลงแบ่งกันยังไง ?
ทนายอัจฉริยะ : "อันนี้เป็นเรตของน้องอาม กับผู้จัดการที่เขาตกลงกันเอาเอง ซึ่งเป็นราคาตลาดทั่วไป ไม่ได้กำหนดตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าไกลหรือใกล้"
ความรู้สึกของอามในวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?
อาม : "ก็ดีใจค่ะ ขอบคุณอาจารย์ ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆท่าน ขอบคุณทนายสงกรานต์และคุณอัจฉริยะ ขอบคุณพี่หนุ่ม กรรชัยและพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่านด้วย วันนี้ดีใจและเป็นวันที่รอคอยมานาน"
มีค่ายอื่นติดต่อทาบทามเราไปร่วมสังกัดบ้างไหม ?
อาม : "ไม่มีนะคะ ตอนนี้ก็ตั้งใจที่จะดูแลตัวเอง หนูอยากทำงานอิสระมากกว่าค่ะ"
ถามถึงเรื่องการตรวจสอบภาษีค่ายไหทองคำเป็นอย่างไรบ้าง ?
ทนายอัจฉริยะ : "ผมได้ยื่นเรื่องต่ออธิบดีกรมสรรพากร และมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนไปแล้ว ขณะนี้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมสรรพากร ต้องทำตามอำนาจหน้าที่ หากท่านไม่ทำต้องถูกดำเนินคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 ส่วนพี่ประจักษ์ชัย กับครอบครัว มีหน้าที่ต้องไปชี้แจงกับกรมสรรพากรตามกฎหมาย ผมไม่สามารถถอนเรื่องนี้ได้ ก็ต้องเรียนสื่อมวลชนและคนไทยทั้งประเทศว่า การตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีของพี่ประจักษ์ชัยและครอบครัวที่ต้องไปชี้แจง เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่เกี่ยวกับการยกเลิกสัญญาฉบับนี้นะครับ"
"เรื่องการเสียภาษีหรือไม่เสียภาษีของพี่ประจักษ์ชัย ผมไม่ก้าวล่วงนะครับ หากมีการชำระเสร็จสิ้นแล้ว เรื่องของ ปปง.ก็ไม่มีผล เพราะว่า กฎหมาย ปปง.ตามมาตรา 37 มาตรา 37 ทวิ ถ้าหากมีการหลีกเลี่ยงเสียภาษีเกิน 10 ล้านบาทต่อปี และไม่มีการชำระภาษี อธิบดีกรมสรรพากรมีหน้าที่ต้องรายงาน ไปยังคณะกรรมการธุรกรรม ก็คือ ปปง.ตามกฎหมายฉบับใหม่ ประมวลกฎหมายรัษฎากร ดังนั้นถือว่าเราทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมสรรพากร ในการดำเนินการตรวจสอบเรื่องของการเสียภาษี"
ทนาย บุญถาวร : "ผมในนามฝ่ายกฎหมายของบริษัทไหทองคำ ค่ายเพลงของเราได้มีการจัดทำการยื่นภาษีประจำปี ทุกปี ส่วนน้องลำไย ไหทองคำก็มีการยื่นถูกต้องทุกอย่าง การที่พี่อัจฉริยะ ประธานชมรมเหยื่ออาชญากรรม ไปยื่นให้ตรวจสอบ ก็เป็นเรื่องดีครับ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าทางค่ายไหทองคำเราได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนหลังจากนี้เป็นต้นไป ถ้าทางสรรพากรเข้าไปตรวจสอบ เราก็ยินดีครับ ระหว่างนี้ก็มีการพูดคุยขอเอกสารบางส่วนไปแล้ว เบื้องต้นก็ได้รับคำตอบจากทางสรรพากรว่า เอกสารที่เรายื่นไปก็ถูกต้องทุกอย่างครับ"
ประจักษ์ชัยมีความกังวลใจอะไรไหม ?
ประจักษ์ชัย : "ไม่มีความกังวลอะไรเลยครับ มีความสุขดีครับ เพราะความจริง ลำไย ก็รับงานอีเว้นท์ รับงานคอนเสิร์ตต้องผ่านการเสียภาษีหมด ไม่มีตรงไหนที่จะหลอกตาได้เลย ไหทองคำทำถูกต้อง สิ่งที่มีวันนี้ได้ไม่ใช่ว่าจะเป็นประเด็นพ่วงตามมา ไม่มีครับ ผมไม่มีอดีตเลยครับ แค่เพลงอดีตเคยพัง ที่เรารักกัน เราเคยลำบากลำบนกันมานะ เรามีอดีตแค่นั้นเอง ไม่เกี่ยวกับเรื่องภาษีเลยครับ ก็ยืนยันคำเดิมว่า ยินดีไม่กังวลอะไรเลยครับ"
เอกสารพร้อมหรือยัง ในการไปชี้แจง ?
ประจักษ์ชัย : "ไม่มีปัญหาครับ เพราะบริษัทเราตั้งมาเกือบ 2 ปี ก็เสียมาตั้งแต่ปีก่อน แล้วครึ่งปีที่ผ่านมาก็เสียแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรครับ"
ก่อนหน้าไปจดทะเบียนบริษัท เราเสียภาษีในลักษณะยังไง ?
ประจักษ์ชัย : "ตอนนั้นเป็นภาษีบุคคลธรรมดาครับ ได้มาก็หัก ณ ที่จ่ายเลยครับ ตอนนั้นค่ายอินดี้ก็เป็นแบบนี้ทั้งประเทศ ไม่มีใครมาจดบริษัทก่อนที่จะดัง ก็ลงยูทูบกันเล่นๆ มีคอนเทนต์เหมือนรายการต่างๆ ที่เป็นเน็ตไอดอล พอมีกระแสก็มีคนกล้าจ้างงาน ไม่มีใครคิดว่าจะดังเหรอ ถ้ารู้ว่าเพลงจะดัง ใครก็กล้าซื้อ คือมันเป็นเรื่องธรรมชาติของวงการ"
อย่างเรื่องส่วนแบ่งที่มีปัญหา 70:30 ที่น้องไม่ได้รับตามที่ตกลงกัน ?
ประจักษ์ชัย : "ในประเด็นนั้น ก่อนที่น้องจะมาถึงจุดนี้ มันเป็นการต่อสู้ เป็นการสร้างโปร์ไฟล์ น้องเริ่มมีกระแสหลังจากปีที่แล้ว เริ่มมีตัวตนมีแบรนด์ของตัวเอง ราคาก็เริ่มดีด แต่ก่อนราคาจะเลี่ยงไม่ได้ การสร้างนั่น สัญญา 4-5 ปี คุณไม่รู้หรอกว่าจะดังเพลงไหน ฉะนั้นก่อนมาถึงวันนี้ราคายังไม่เป็นเรื่องเป็นราว ยังฟิกไม่ได้ว่าราคาน้องอยู่ที่ 3 หมื่น แต่บางทีเราไปงาน หมื่นหนึ่งก็ต้องไป ดีกว่านอนอยู่บ้าน"
"เราคิดว่าถ้างั้นไปร้องกับลำไย เพื่อสร้างโปรไฟล์ มันเลยเลี่ยงไม่ได้ แต่พอน้องมีราคา ไม่ว่าใครจะถูกจะผิด ตอนนี้มูลค่าเพิ่มของอาม ชุติมา เหมือนกับไหทองคำ แต่ก่อนไม่มีใครรู้จัก อินดี้ๆ แต่วันนี้มันดังแล้ว ไม่มีใครถูกใครผิด แต่วันนี้น้องมีมูลค่าแล้วค่อยไปตั้ง 70:30 แต่ตอนที่ผมลงทุน น้องไม่ได้ควักเงิน 70:30 มาด้วย เราเลยตีไว้ก่อน เพราะผมเอามาเพื่อลงทุน"
"น้องมีความสามารถเขียนเพลง ร้องเพลง เท่าที่ลงทุนได้ หลังจากนี้น้องจะสบายใจ น้องจะเห็นราคาที่แท้จริงว่ามันมีค่าใช้จ่ายเบื้องหลังทุกอย่าง ส่วนในรายได้ช่องยูทูบ ตอนที่เราทำครั้งนั้น เราไม่ได้เล่งเห็นว่าจะมีรายได้จากยูทูบจริง แม้แต่ในสัญญาก็ไม่มีระบุรายได้จากยูทูบ คือถ้าโอนสิทธิ์ก็คือโอนสิทธิ์"
อามยังมีอะไรค้างคาใจไหม ?
อาม : "ในตอนนี้เราไม่มีอะไรในใจแล้ว คือตอนนี้พึงพอใจแล้วในจุดนี้ คือ อิสรภาพ"
ทนายบุญถาวร : "2 ปี 6 เดือน ร่วมครึ่งหนึ่งของสัญญา 5 ปี ความเป็นธรรมอันนี้ ไหทองคำ ก็ได้คืนให้กับน้องอามไปแล้ว อยากให้พี่น้องสื่อมวลชน ให้ความเห็นใจกับทางค่ายเราด้วยว่า ณ เวลานี้ จุดนี้ น้องอามก็คงที่จะไปกอบโกยผลประโยชน์หรือรายได้ หลังจากที่ยกเลิกสัญญาไป ทางเราไม่ติดใจที่จะไปเรียกร้องส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์จากน้องอาม ประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่างานแสดงหรืองานโชว์ตัว หรือโฆษณา หรือยูทูบ เป็นผลประโยชน์ของอามทั้งหมด"
ทนายสงกรานต์ : "จากนี้ก็น้องก็มุ่งทำงานต่อไป แต่คงไม่ได้มุ่งกอบโกย คงทำงานปกติตามวิสัย"
พล.ต.ต.คัชชา : "ผมมาในฐานะสักขีพยาน ยินดีที่ทั้งคู่เจรจาตกลงกันด้วยดี ถือว่าวินๆ ทั้งคู่ อยากให้ทั้งสองฝ่ายรักกันเหมือนเดิม คุยกันเช่นเดิม สักวันอาจจะมาร่วมงานกันก็ได้ไม่แน่"
จะมีโอกาสในอนาคตที่จะนำอาม มาเซ็นสัญญา เป็นเด็กในสังกัดอีกไหม ?
ประจักษ์ชัย : "อยากรับใจจะขาด ถ้ามีโอกาสค่อยว่ากันครับ"
อาม : "ถามว่าถ้าอาจารย์ชวนมาอยู่ค่ายอีก ก็เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตค่ะ (ยิ้ม)"
อัลบั้มภาพ 25 ภาพ