เปิดใจ "ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ" สอบเป็นตำรวจ ตามจับคนฆ่าพ่อ ย้ำ ให้ความสำคัญกับทุกคดี

เปิดใจ "ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ" สอบเป็นตำรวจ ตามจับคนฆ่าพ่อ ย้ำ ให้ความสำคัญกับทุกคดี

เปิดใจ "ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ" สอบเป็นตำรวจ ตามจับคนฆ่าพ่อ ย้ำ ให้ความสำคัญกับทุกคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สิบตำรวจหนุ่ม ตามจับคนร้ายหนีคดีฆ่าพ่อเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ย้ำ ให้ความสำคัญกับทุกคดี ที่มาเป็นตำรวจเพราะแม่บอกพ่ออยากให้เป็นตำรวจ และตนเองก็ใจรักด้วย 

จากกรณีเมื่อวันที่ วันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุม นายบุญฤทธิ์ อายุ 54 ปี 1 ใน 3 คนร้าย ที่ก่อเหตุฆ่า นายประสิทธิ์ และ นายชาณี แล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่บริเวณสระน้ำริมทาง บ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเหตุเกิดตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค.41 ก่อนคดีหมดอายุความเพียง 1 เดือน

โดยมีการระบุว่า ในการจับกุมดังกล่าว มี ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ( กก.ปพ.บก.สส.ภ.8) ซึ่งเป็นลูกชายนายประสิทธิ์ 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิต ร่วมในการติดตามจับกุม โดย ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ ตั้งใจเข้ามาเป็นตำรวจเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเอง

>> 20 ปีที่รอคอย! ลูกชายสอบเป็นตำรวจ ตามจับคนฆ่าพ่อได้ก่อนคดีหมดอายุ 1 เดือน

ล่าสุด วันนี้ (6 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งเปิดเผยว่า จากที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้นบางส่วนไม่ถูกต้อง ตนเองเข้ามาเป็นตำรวจด้วยความชอบและเป็นสิ่งที่พ่อต้องการให้เป็น ไม่ใช่ตั้งใจเข้ามาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ

ซึ่งหลังจากที่บรรจุเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ตั้งปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาทั้งหมด ซึ่งในส่วนคดีนี้นั้นตั้งแต่ที่ตนเองทราบว่าพ่อถูกฆ่าตาย ตนเองคิดว่าคนร้ายถูกจับหมดแล้ว และมาทราบอีกที เมื่อคนละแวกบ้านมาบอกว่า หนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกันฆ่าพ่อกลับมาที่บ้าน

ซึ่งขณะนั้นปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ประกอบกับที่นโยบายของส่วนงานที่รับผิดชอบเป็นการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะในรายที่คดีที่ใกล้หมดอายุความ เมื่อเห็นว่าคดีนี้เป็นบุคคลที่มีหมายจับ  จึงประสานงานกับกองปราบปรามและชุดสืบสวนในพื้นที่ตามขั้นตอน และร่วมติดตามจับกุมตัวดังกล่าว

หากถามว่าใช่คนที่ฆ่าพ่อตนหรือไม่ ตนเองไม่ทราบชัดแต่ทำตามหมายจับ ซึ่งจะต้องต่อสู้กันตามกระบวนการ หากกระทำจริงก็ต้องรับโทษตามกฏหมาย แต่หากไม่ได้กระทำก็ต้องให้ความเป็นธรรม 

ทั้งนี้ ตนเองมีความภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ ซึ่งจะตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด ส่วนที่มาเป็นตำรวจนั้นเพราะแม่บอกว่าพ่ออยากให้ตนเป็นตำรวจ อีกอย่างตนเองก็มีใจรักด้วยจึงมุ่งมามะเรียนจนสอบตำรวจได้ เพราะตอนที่พ่อเสียนั้นตนอายุเพียง 1 ขวบเศษเท่านั้น

ด้าน พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธิธาคณานนท์ ผบก.สืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 เผยว่า ตำรวจภูธรภาค 8 ให้ความสำคัญกับทุกคดีโดยเฉพาะคดีค้างเก่าที่กำลังจะหมดอายุ จึงกำชับให้กองบริหารติดตามจับกุมคดีค้างเก่าที่ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มีหน้าที่ในการติดสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ส่งผลในปีนี้มีการจับกุมคดีค้างเก่าได้จำนวนมาก ไม่ใช่เฉพาะคดีพ่อของ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ เท่านั้น 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook