จำเลยโซเชียล! ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านน้ำตาตก โดนด่าอมเงินบริจาคยายตาบอด

จำเลยโซเชียล! ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านน้ำตาตก โดนด่าอมเงินบริจาคยายตาบอด

จำเลยโซเชียล! ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านน้ำตาตก โดนด่าอมเงินบริจาคยายตาบอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่จังหวัดระยอง ออกมาชี้แจงทั้งน้ำตาหลังตกเป็นจำเลยสังคม อมเงินบริจาคที่มีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคช่วยหญิงพิการตาบอด 

(7 พ.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า หลังเพจชื่อดังโพสต์เรื่องราวหญิงอายุ 44 ปี ในอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ต้องโทษในเรือนจำ ขอให้ช่วยเหลือ นางสี แสนสำอาง อายุ 87 ปี แม่ผู้พิการตาบอด และอยู่คนเดียวเพียงลำพัง หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ทางโลกโซเชียล ปรากฏว่ามีคนโอนเงินบริจาคเข้าบัญชีของนางสีเกือบ 250,000 บาท

แต่เมื่อจิตอาสาเข้าไปตรวจสอบบัญชีธนาคาร ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา มียอดเงินคงเหลือเพียง 888 บาท จึงทำให้ นางวิไลวรรณ พันธุ์นาม อายุ 43 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ที่เป็นผู้ดูแลเงินบริจาคและเป็นคนเก็บสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มกลายเป็นจำเลยสังคมถูกตำหนิ ทั้งด่าและต่อว่าในโลกโซเชียล ต้องออกมาแถลงและชี้แจงรายรับ-จ่าย จำนวนเงินบริจาคในบัญชีของนางสี เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ของตนเอง

นางวิไลวรรณ พันธุ์นาม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง กล่าวทั้งน้ำตาว่า ยอดเงินบริจาคที่เข้าบัญชีนางสี มีจำนวนทั้งสิ้น 240,900 บาท โดยเบิกจ่ายเป็นค่าก่อสร้าง 20,000 บาท ให้ลูกสาวนางสีที่อยู่ในเรือนจำ 10,000 บาท ให้ลูกชายนางสี 20,000 บาท และค่าดูแลนางสีระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา 78,000 บาท และค่าใช้จ่ายต่างๆ 18,000 บาท รวม 146,000 บาท ทำให้ขณะนี้มียอดเงินคงเหลือในบัญชี 80,000 บาท

ทั้งนี้ ตนก็ดูแลเรื่องอาหารการกิน การเบิกจ่ายให้นางสีมาตลอด ในระยะหลังจะมีญาติของป้ามาหามากขึ้น มีการเบิกใช้เงินมากขึ้น บางคนขอเงินไปซื้อโทรศัพท์ ใช้จ่าย ป้าก็มาเอาไป แม้กระทั่งป้าป่วยนอนโรงพยาบาล ลูกของป้ายังคิดค่าดูแลเฝ้าไข้วันละ 1 พันบาทด้วยซ้ำ โดยป้าจะเบิกเงินใช้แทบทุกวัน ซึ่งตนต้องเตรียมเงินสำรองไว้ ครั้งละประมาณ 20,000 บาท ซึ่งตอนนี้เหลือเงินอยู่ที่ตน 80,000 บาท

โดยยอดเงินและสมุดบัญชีเงินบริจาคตนได้มอบคืนให้นางสีไปแล้ว เมื่อเดือนต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ มีความโปร่งใสและไม่มีการนำเงินไปใช้เป็นการส่วนตัวเด็ดขาด ซึ่งหลังจากวันนี้แล้วตนก็จะคืนเงินที่เหลือให้ทั้งหมด และไม่ขอรับผิดชอบการดูแลเงินบริจาคนี้อีก เพราะทุกวันนี้ต้องตกเป็นจำเลยของโซเซียล มีการนำข่าวไปลงแบบไม่เป็นความจริง จนลูกชายตนเองไม่ยอมพูดคุยด้วย ทำให้ครอบครัวมีปัญหา แต่ก็จะทำหน้าที่ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านในการดูแลความทุกข์สุขของชาวบ้านตามหน้าที่เท่านั้น และเมื่อคืนเงินบริจาคให้นางสีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดำเนินการฟ้องร้องกับผู้ที่เอาข่าวไม่จริงไปออกโซเชียลจนทำให้ตนเสื่อมเสียต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook