เป็นไปได้หรือที่ "โดนัลด์ ทรัมป์" จะออกคำสั่งยกเลิกให้สิทธิพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด
เมื่อวันอังคารที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมานี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ทางรายการโทรทัศน์ Axios ทางช่อง HBO ว่า ตนเตรียมลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยกำเนิด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชนชาวอเมริกันอย่างแท้จริง เนื่องจากมีผู้หลบหนีเข้าเมืองเป็นจำนวนมากอพยพเข้ามายังสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมากขึ้นทุกวัน
โดยนายทรัมป์กล่าวว่า “เราเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่อนุญาตให้เขาเข้ามาอยู่อาศัย มีลูก และได้รับสิทธิความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เหมือนกับที่ชาวอเมริกันได้รับทุกอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าตลกมาก และเรื่องนี้จะต้องยุติลง”
>> "โดนัลด์ ทรัมป์" จ่อเลิกให้สัญชาติคนเกิดอเมริกา แม้ขัดรัฐธรรมนูญ
แล้วคำสั่งประธานาธิบดีคืออะไร?
คำสั่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาหรือ Executive Order ก็คือ หนังสือคำสั่งที่ออกโดยประธานาธิบดีถึงหน่วยงานรัฐบาลกลางโดยไม่ต้องผ่านการรับรองจากรัฐสภา ทั้งนี้ อำนาจประธานาธิบดีในการออกคำสั่งประธานาธิบดีนี้ ระบุอยู่ในมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา โดยเขียนเอาไว้ว่า “อำนาจผู้บริหาร เป็นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา”
พูดง่ายๆ ก็คือ คำสั่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาหรือ Executive Order เทียบเท่ากับพระราชกฤษฎีกาของไทยเรานั่นเอง (พระราชกฤษฎีกาคือบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ฝ่ายบริหารตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนด เพื่อใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะมีศักดิ์ต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย และพระราชกำหนด)
แต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ทางรายการโทรทัศน์ Axios ทางช่อง HBO ว่า ตนเตรียมลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี ยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ โดยกำเนิด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชนชาวอเมริกันอย่างแท้จริงนั้น เป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาอย่างชัดแจ้ง กล่าวคือตามบทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 14 ที่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญที่ตราอยู่ในรัฐธรรมนูญเมื่อปี พ.ศ. 2411 ระบุไว้ว่า
“บุคคลทุกคนที่เกิดหรือแปลงสัญชาติในสหรัฐฯ และอยู่ในบังคับกฎหมายสหรัฐฯ ย่อมเป็นพลเมืองของสหรัฐฯ”
ซึ่งทำให้สหรัฐอเมริกาเป็นเพียง 1 ใน 30 ประเทศทั่วโลกที่ใช้หลักการสิทธิโดยแผ่นดิน (Jus Soli) เป็นสำนวนภาษาลาตินที่หมายความว่า “Law of Ground” หรือ “ตามกฎของแผ่นดิน [ที่ตั้งถิ่นฐาน]” หรือ “สิทธิของการเป็นพลเมือง” เป็นสิทธิที่เชื้อชาติหรือสัญชาติ เป็นสิ่งที่เป็นของบุคคลที่เกิดในดินแดนนั้น ซึ่งตรงข้ามกับประเทศส่วนใหญ่ในโลก (164 ประเทศ) ที่ใช้หลักสิทธิโดยสายโลหิต (Jus Sanguinis) เป็นสำนวนภาษาลาตินที่หมายความว่า “Right of Blood” หรือ “สิทธิโดยสายโลหิต” เป็นนโยบายทางสังคมที่ “สิทธิของการเป็นพลเมือง” เป็นสิทธิที่เชื้อชาติหรือสัญชาติมิได้ระบุโดยดินแดนที่กำเนิด แต่โดยการที่มีบรรพบุรุษผู้ที่ถือสัญชาติหรือเป็นพลเมืองของประเทศที่ว่า ซึ่งตรงกันข้ามกับ “สิทธิโดยแผ่นดิน” (Jus Soli)
ว่ากันจริงๆ แล้ว ผู้เขียนคิดว่าทรัมป์ออกจะเพี้ยนไปสักหน่อยที่ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้ เพราะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งก็อาจจะแก้ได้แต่ต้องใช้เวลานานมากไม่ใช่ออกมาขู่รายวันเช่นนี้